วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-เศรษฐีนอกเวลาเสกเศษผ้าแต่งตุ๊กตาบลายท์(Blythe)สร้างรายได้

จบไปแล้วสำหรับการสัมมนา “เตรียมความพร้อม SMEs ไทย สู่สากล” และ Export Clinic “เจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ” กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการส่งออก เสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ให้เกิดความพร้อมในการเจาะตลาดต่างประเทศ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเตือนจากนายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในงานสัมมนา”ผลกระทบเขตการค้าเสรีต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) โดยขอให้ผู้ประกอบการศึกษาประเทศคู่ค้าให้ดี ส่วนการเปิดตัวนั้นของให้เปิดตัวผ่านเว็บไซต์หรือร่วมกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ และขอให้นำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเจรจากับคู่ค้า
เสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานการสัมมนา “เตรียมความพร้อม SMEs ไทย สู่สากล” และ Export Clinic “เจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ” แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะได้หาความรู้เพิ่มเติมในนิตยสาร SME Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำตลาดต่างประเทศของ SME อยู่ พร้อมกันนี้ตอน IT Zone มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “โอเพ่นซอร์ช เทคโนโลยี ตัวช่วย SME ฝ่าวิกฤติ” และการปรับเว็บไซต็ให้ยอดขายกระจุยภาค 3 ตอน เขียนบทความดีๆ Google รัก-เว็บไซต์ดังไม่รู้ตัว ซึ่งก็คือการทำ SEO นั่นเอง โดยแนะนำการเขียนโดยเฉพาะคีย์เวิร์ด(Keyword)ทอง และการจัดวาง
แต่ที่น่าสนใจและนำมาเป็นหัวเรื่องครั้งนี้ก็คือเรื่องของเศรษฐีนอกเวลาตามที่ นิตยสาร SME Thailand ได้นำมามาเป็นบทเด่นของฉบันเดือนนี้ โดยเฉพาะการแต่งตุ๊กตาบลายท์ (Blythe) ที่กำลังฮิตในคนทุกกลุ่มโดยเฉพาะดารา ของคุณรังสินี ประมูลวงศ์ และลูกสาว ทั้งๆที่เธอเองก็มีโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ที่จังหวัดนครปฐมอยู่แล้ว
คุณรังสินีเห็นลูกสาวสนใจและเข้าสู่ชุมชนชาวบลายท์ จึงได้ทุ่มเทให้กับการแต่งตุ๊กตาบลายท์ (Blythe) แบบไร้ขีดจำกัด โดยได้ขอเศษผ้าจากญาติที่มีอาชีพเย็บผ้ามาทดลองเย็บ และได้ชักชวนให้ญาติและคนรู้จักมาร่วมกันทำ และขยายงานไปสู่กลุ่ม OTOPชุมชน แล้วจำหน่ายผ่านทางเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ www.blythethailand.com จนทำให้มีออร์เดอร์เข้ามาอย่างแต่เนื่อง และมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท
คุณรังสินีบอกว่า ไม่ใช่เรามีความสุขแต่คนรอบข้างก็มีความสุข กลุ่มคนเย็บผ้าซึ่งมีช่วงว่างงานก็มีงานทำ มีรายได้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านป้าๆ ยายๆ มีความสุข จากที่อยู่ว่างๆก็มีรายได้ขึ้นมา คนซื้อไปก็มีความสุข คงต้องบอกว่าสุขกันทั่วหน้า ใครจะเอาอย่างก็คงไม่มีใครห้าม

ITonnews-ร้านเน็ตเตรียมเฮไมโครต์ซอฟท์ดึงร่วมมือเพิ่มรายได้สื่อออนไลน์

นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ ที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาอีก นอกจากรายได้ที่ได้รับจากผู้เข้ามาใช้บริการอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม เช็คเมล์ เนื่องหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้รายงานว่า บริษัทไมโครซอฟท์เตรียมประกาศร่วมมือกับอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กว่า 4,000 แห่งในเดือนเม.ย.นี้
เพื่อขยายช่องทางเข้าถึงโฆษณาออนไลน์ลงร้านอินเทอร์เน็ตด้วย ในรูปแบบ”ริช มีเดีย” หรือโฆษณาภาพเคลื่อนไหวกราฟฟิก พร้อมเสียง สามารถคลิกเพื่อร่วมสนุกหรือร่วมกิจกรรมได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้เจ้าของสินค้าและผู้ใช้บริการสามารถวัดผลได้ มีประสิทธิภาพมากกว่าแบบเนอร์โฆษณาธรรมดา แบบนี้ต้องไปเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แล้ว

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-SMEหนุนงานThailand Software Fair 2009เงินสะพัด10ล้าน

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า ร่วมกับนายสมเกียรติ อึงอารี นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย หรือ เอทีเอสไอ (ATSI) แถลงถึงผลการจัดงาน Thailand Software Fair 2009 ระหว่างวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ ที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน โดย ดร.รุ่งเรือง กล่าวว่า สรุปโดยรวมการซื้อขายซอฟต์แวร์ที่เกิดขึ้นจริงภายในงานมีกว่า 10 ล้านบาท แต่ผลพวงจากงานนี้คาดว่าจะมีการซื้อขายตามมารวมทั้งสิ้น 80 ล้านบาท
ดร.รุ่งเรือง กล่าวอีกว่า โซลูชั่นส์ซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ซอฟต์แวร์แพคเกจ ที่มีการรวบรวมหลายระบบไว้ในโปรแกรมเดียว อาทิ ระบบคลังสินค้า, ระบบบุคคล, ระบบ POS, ระบบ Security และระบบรายงาน เป็นต้น โดยโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 18,000 บาท กอปรกับการได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในการให้ SMEs สามารถซื้อซอฟต์แวร์ได้ลดราคา 50% หรือไม่เกิน 10,000 บาท จึงทำให้ SMEs และเจ้าของกิจการมีการตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์สามารถปิดการขายได้ภายในงาน

"ส่วนซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือ ซอฟต์แวร์บัญชี และบุคคล/เงินเดือน เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ให้เจ้าของกิจการ และนักธุรกิจ ในการทำบัญชีรับ-จ่ายให้กับกิจการได้เป็นอย่างดี ส่วนของซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ ที่มีราคาสูงตั้งแต่ 100,000 – ล้านบาท อย่างซอฟต์แวร์ ERP, ซอฟต์แวร์โรงงานที่เจาะจงในแต่ละภาคอุตสาหกรรม ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน" ผอ.ซิป้า กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภทธุรกิจซื้อมาขายไป และธุรกิจบริการเยอะที่สุด ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมอื่นที่มาเลือกดูซอฟต์แวร์ เช่น ภาคโรงแรม รีสอร์ท สปา, อุตสาหกรรมด้านการแพทย์ คลินิค โรงพยาบาล, อุตสาหกรรมสิ่งทอ, อุตสาหกรรมอัญมณี และ อุตสาหกรรมการขนส่ง ลอจิสติกส์ เป็นต้น

นายสมเกียรติ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดไอทีปี 2552-2553 ว่า น่าจะมีการชะลอการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ โดยสังเกตได้จากข่าวคราวของยักษ์ใญ่ฮาร์ดแวร์หลายค่ายที่ปรับลดคนงานบ้าง และลดจำนวนการผลิตบ้าง แต่ที่เห็นชัดเจนเลยคือในส่วนของซอฟต์แวร์กลับคึกคักมากขึ้นโดยมีการออกโซลูชั่นส์ใหม่ ๆ และโปรโมชั่นเสริมที่เหมาะกับสถานการณ์มาให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ ซึ่งตรงนี้กลายเป็นข้อได้เปรียบของผู้บริโภคที่จะได้ของมีคุณภาพในราคาเหมาะสม ซึ่งตนคาดว่าในปีนี้ตลาดซอฟต์แวร์น่าจะคึกคัก และขยับทำเม็ดเงินให้แก่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

สองสาวสวยนักธุรกิจ-ดาราใผ่ธรรมะ

เห็นสาวสวยทางหน้าหนังสือพิมพ์โฟสต์ทูเดย์หน้า Magazine ฉบับวันที่ 24 ก.พ. คือ ปราณิศา อัจฉริยศรีพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเจมส์ พาวิลเลียน ครีเอชั่น ผู้ผลิดและจำหน่ายเครื่องประดับเพชร ส่งออกยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง ตอนแรกก็ดูผ่านๆ แต่จุดที่น่าสนใจก็คือว่า เธอได้นำหลักธรรมะมาใช้กับการทำงาน เพราะธรรมะก็เหมือกับอาวุธหรือเครื่องป้องกันตัวถ้าคนเรารู้ธรรมะแต่ไม่นำธรรมะมาใช้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เหมือกันมีดาบอยู่ในฝักไม่ชักออกมาใช้ตอนมีศัตรูก็ถูกฆ่าตาย
“การทำงานต้องพบปะผู้คนมากมายทั้งลูกค้าที่มีความหลากหลาย ชายไทย ชาวเทศ มีพนักงานที่ต้องดูแล บริษัทที่ตัดตามงานด้วยอาจจะมีที่ไม่ถูกใจ ทำให้เราเครียด กดดัน อาจเผลอใช้อารมณ์ในการบริหารงานโดยไม่รู้ตัว หากไม่รู้จักนำธรรมะมาปรับใช้ ก็จะทำให้การทำงานมีปัญหาออกมาไม่ดี ไม่มีความสุข การมีธรรมะคือรู้สติตามอารมณ์ตัวเอง ค่อยๆแก้ปัญหา ค่อยๆคิด รู้จักในจเย็นรับฟัง รู้จักรอ พร้อมที่จะให้อภัย มีเมตตา มีธรรมในการทำงาน เมื่อโกรธก็ปรับอารมณ์ให้รู้ตัวได้เร็วขึ้น ค่อยๆปรับ ค่อยแก้ไข เราก็มีความสุขใจกับตัวเองด้วย”
นี้คือนี้แนวทางการดำเนินชีวิตของ ปราณิศา อัจฉริยศรีพงษ์ แบบมีธรรมะ เป็นสาวิกาแบบไม่ต้องห่มขาว แต่ก็มีความขาวใจจิตใจ ต้องขออนุโมทนาด้วย ไม่เศร้าใจที่ได้เข้าผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นสาวกแต่ใจชั่วได้ทราบทุกวันเพราะมีสาวิกาเช่นนี้ชโลมใจ
สาวิกาอีกคนหนึ่งเธอเป็นดาราทางจอแก้ว กล้าหาญที่จะขึ้นเวทีพันธมิตร แต่วันนี้เธอโดดเด่นอยู่หนังสือ Lisa ฉบับเดือนกุมภาพันธ์นี้เปิดไปที่หน้า 13 ก็ได้พบเธอแล้ว เธอผู้นี้คือ “จอย”ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ในหัวเรื่องอยู่แบบมีธรรมะอย่าง “จอย”ศิริลักษณ์ ผ่องโชค เธอบอกว่า เป็นก็พุทธศาสนิกชน เห็นพ่อแม่ญาติๆเข้าวัดทำบุญและไปฟังธรรมะอยู่เสมอๆ
แต่จุดที่เธอใช้หลักธรรมมาคิดก็ช่วงหลังนี้งานน้อยลง ทำให้นึกถึงหลักแห่งโลกธรรม 8 คือ ได้ลาภก็เสื่อมลาภ

“ยิ่งพอย้างช่องมาก็มาเล่นละครเรื่องที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้เรตตี้งก็อาจจะไม่พุ่งเท่าเมื่อก่อน จอยก็ยิ่งเห็นธรรมะมากขึ้น ทำให้ไม่ทุกข์”

นี้คือความรู้สึกของจอย เพียงเท่านี้ก็พอได้ทราบว่าจอยมีธรรมะ มากกว่าคนบางคนที่รู้ธรรมะแต่ไม่มีธรรมะ
เมื่อทราบข่าวของคนในวงการบันเทิงอย่างจอยก็ทำให้ชื่นใจ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่ข่าวรักเลิก ด่ากัน คลิปฉาวโผล่ของดาราทำให้เป็นเหยื่อของสื่อ ทำให้ค่าของข่าวบันเทิงด่อย ด่างไป

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-ประท้วงเว็บดังเฟซบุ๊ก(facebook)ล้วงข้อมูลสมาชิก

ผู้เขียนก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เฟซบุ๊กหรือ facebook.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อันดับหนึ่งของอยู่ขณะนี้ แต่ก็ไม่ค่อยได้เข้าไปใช้บริการเท่าใดนักจะเข้าไปดูบ้างก็ต่อเมื่อมีคนติดต่อเข้ามาเท่านั้น ประกอบกับเป็นเว็บไซต์ภาษาอังกฤษเลยไม่ค่อยสันทัดเท่าใดนัก
แต่วันนี้(23ก.พ.) ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายของหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 24 ก.พ.ได้มีรายงานระบุว่า “เว็บดังเฟซบุ๊กงานเข้าเปลี่ยนกฎล้วงตับสมาชิก โดยมีเนื้อหาสรุปว่า เว็บไซต์เฟซบุ๊กหรือ facebook.com ได้ซุ่มปรับเปลี่ยนนโยบายให้สามารถยึดครองลิขสิทธิ์ข้อมูลใดๆของสมาชิกมาเป็นของตัวเองได้ จนทำให้เกิดกระแสต่อต้านไปทั่วโลก จนกระทั้ง”มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งยอมถอย ทำให้มีความรู้สึกว่า ความลับไม่มีในโลก และความอยากไม่มีคำว่าพอเพียง เว็บไซต์เฟซบุ๊กมีรายได้มหาศาลไม่น่าจะกราดตกอย่างนี้ ไม่น่าจะยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้งมากกว่าความถูกต้อง ต่อไปนี้ก็คงจะต้องระวังตัวมากขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต

ITonnews-ก.พาณิชย์จัดสัมมนาSMEsสู่ตลาดโลก

วันนี้ (23ก.พ.) ได้เห็นข่าวโฆษณาของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการส่งออก ทางสื่อสิ่งพิมพ์ ที่กำหนดเกี่ยวกับการจัดการสัมมนา “เตรียมความพร้อม SMEs ไทย สู่สากล” และ Export Clinic “เจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ” ในวันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 ตั้งแต่เวลา 2552 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ต้องบอกว่ารู้สึกเสียดายจริงๆ เพราะทางกระทรวงให้กำหนดให้แจงความประสงค์เข้าร่วมการสัมมนาภายในวันที่ 20 ก.พ. ซึ่งกระทรวงได้จับมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ ให้เท่าทันระบบการค้าใหม่ กฎระเบียบทางการค้าตลอดจนเสริมสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ให้เกิดความพร้อมในการเจาะตลาดต่างประเทศ
รวมทั้ง เพื่อสร้างความตระหนักให้เห็นความสำคัญในการปรับตัว และสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง และสภาวะทั่วไปที่จำเป็นต้องรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่เหมาะสม และสร้างความมั่นคง ต้องเข้าดูข้อมูลของกระทรวงบ่อยๆแล้วคือ
http://www.dbd.go.th จะได้ไม่พลาดโอกาสอีก...อิอิ

ITonnews-สายไปหรือเปล่าใช้อินเทอร์เน็ตเสริมธุรกิจSME

หลังจากได้เขียนบทความเกี่ยวกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี(SME)เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.เรื่อง การทำ SEOสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี (SME) วันนี้ (23ก.พ.) ได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์โฟสต์ทูเดย์ คอลัมน์เอสเอ็มอีมือโปรโดยอานนท์ เรื่อง”สายไปหรือหรือเปล่ากับอินเทอร์เน็ตเสริมธุรกิจ” เมื่อได้อ่านเนื้อหาแล้ว ก็มีส่วนสนับสนุนกัน
คุณอานนท์ได้แนะนำให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี (SME) ควรหันมาสนใจอินเทอร์เน็ตอันดับแรกของให้คลิกเว็บไซต์เกี่ยวกับ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี (SME) ไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ทราบข้อดีข้อด้อยของแต่ละเว็บไซต์ แต่จุดอ่อนของเว็บไซต์ที่คุณอานนท์ติงก็คือ บอกราคาของสิ้นค้าไม่ชัดเจน และรูปเล็กเกินไป
หลังจากนั้นคุณอานนท์ก็แนะนำว่า เบื้องต้นให้นำสิ้นค้าไปแปะหรือฝากขายตามเว็บไซต์ขายของไปก่อนและขอให้ความไปตรวจทุกวันว่ามีคนสนใจอ่านหรือไม่
พอมีข้อมูลของสิ้นค้ามากๆถึงค่อยคิดที่จะทำเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เมื่อคิดจะลงมือทำนั้นและถึงจะเข้าสู่กระบวนการการทำ SEO ขอให้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ได้เขียนไว้หรือจากแหล่งอื่น ก็จะทำให้มีโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น และแล้วรายได้ก็จะลอยมาเอง เนื่องจากว่าทั่วโลกสนใจที่จะซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตนี้เป็นการเปิดเผยของบริษัทอะโดบี ซิสเต็มส์จะบอกให้
และขอให้สนใจศึกษาและติดตามการเคลื่อนไหวของไอทีต่อไป เพราะคุณวสันต์ จาติกวณิช กรรมการผู้จัดการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ล็อกซเลย์ บอกว่าในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวันนี้เช่นกันว่า "ไอที Never Die" จริงๆๆครับ พร้อมกันนี้คุณวสันต์ยังบอกว่า การนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ที่จะทำให้คุณส่วนใหญ่ได้ประโยชน์อย่างรวดเร็วคือการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เพราะจะช่วยยกระดับความรู้ของคนไทยในทุกพื้นที่ได้และความรู้จะช่วยให้คนไม่ถูกเอาเปรียบ

AREAเผยตลาดอสังหาฯจาการ์ตที่อยู่อาศัยแบบSMEเหมาะ

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าทรัพย์สิน AREA (บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส) www.area.co.th ได้เปิดเผยถึงผลการสำรวจสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงจาการ์ตาว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA ได้ขยายตลาดไปสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศอาเซียน โดยที่ผ่านมาได้มีแผนการสำรวจในนครโฮชิมินห์ กรุงพนมเปญ กรุงมนิลา และกรุงจาการ์ตา และได้นำเสนอในกรณีของนครโฮชิมินห์และกรุงพนมเปญไปแล้ว ในที่นี้จึงขอเสนอผลการศึกษา ณ กรุงจาการ์ตา
การสำรวจนี้เป็นการสำรวจล่าสุดและมีขนาดใหญ่และกว้างขวางที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย โดยยังไม่มีหน่วยงานใดในกรุงจาการ์ตาได้เคยสำรวจมาก่อนนอกจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA นี้ การสำรวจนี้ดำเนินการในปลายปี 2551 ประกอบด้วยโครงการที่อยู่อาศัยที่กำลังขายอยู่ในท้องตลาดทั้งหมด 219 โครงการ
การสำรวจนี้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยทั้งหมด 52,184 หน่วย ประกอบด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 3,738 ล้านเหรียญ หรือ 130,830 ล้านบาท โดยราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในกรุงจาการ์ตาเป็นเงินหน่วยละประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งถือว่าพอ ๆ กับราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร
64% ของที่อยู่อาศัยในกรุงจาการ์ตามีผู้จองซื้อไว้แล้ว และขณะนี้เหลือสินค้าที่อยู่อาศัยรอการขายในตลาดอยู่เพียง 18,606 หน่วย ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศไทยที่ขณะนี้มีหน่วยขายรอการขายอยู่ถึงประมาณ 100,000 หน่วยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับอัตราการขายต่อเดือนเป็นประมาณ 6% ต่อจำนวนหน่วยรวมของแต่ละโครงการ หรือราว 2,145 หน่วยที่สามารถขายได้ในแต่ละเดือน และหากพิจารณาจากจำนวนหน่วยที่ยังเหลืออยู่ในท้องตลาด คาดว่าสินค้าที่อยู่อาศัยในกรุงจาการ์ตาจะหมดไปภายในกำหนด 6 เดือน หากไม่มีการเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ สถานการณ์เช่นนี้นับว่าดีกว่าประเทศไทยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามจำนวนที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น 80% หรือราว 41,747 หน่วย ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2552-2554 แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ยังมีความเปราะบางในทางหนึ่ง เพราะหากเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ บ้านที่กำลังสร้างอยู่ ก็อาจหยุดก่อสร้างไปได้ อันอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับในเขตใจกลางกรุงจาการ์ตานั้นมีหน่วยขายรวม 14,837 หน่วย ซึ่งเป็นราว 28% ของหน่วยขายทั้งหมด รวมมูลค่าสูงถึง 1,967 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 68,845 ล้านบาท ซึ่งนับรวมได้ประมาณ 55% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดในกรุงจาการ์ตา และส่วนมากที่พัฒนาใจกลางเมือง ก็คล้ายกับกรุงเทพมหานคร ก็คือ เป็นการพัฒนาในส่วนของที่อยู่อาศัยราคาแพงแบบอาคารชุดเป็นสำคัญ
เฉพาะในปี 2551 มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดประมาณ 84 โครงการที่เปิดตัวใหม่ รวมจำนวน 16,737 หน่วย หรือมีมูลค่า 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่าน้อยกว่าในเขตกรุงเทพมหานครที่ปี 2551 มีการเปิดตัวถึง 67,791 หน่วย แสดงให้เห็นว่าขนาดของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครใหญ่กว่าของกรุงจาการ์ตาถึง 4 เท่าตัว ในขณะที่ประเทศไทยมีประชากรน้อยกว่าประเทศอินโดนีเซียถึงเกือบ 4 เท่าตัว
ราคาที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ในกรุงจาการ์ตามีราคาเฉลี่ย 2.214 ล้านบาท ต่ำกว่าของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีราคาเฉลี่ย 2.582 ล้านบาท ราคาบ้านใหม่ในกรุงจาการ์ตา มีราคาต่ำกว่าราคาบ้านที่เปิดตัวในปีก่อนหน้าคือปี 2551 และ 2550 แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังหดตัวลง ผู้ประกอบการก็พยายามขายราคาลดลงตามลำดับ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA ได้จัดลำดับโครงการขายดี 10 อันดับแรกของกรุงจาการ์ตาไว้ดังนี้:
1. กรีนพาร์ควิล เป็นอาคารชุด 900 หน่วย ขายราคาเพียงหน่วยละ 330,000 บาท
2. การ์เดเนีย บูเลวาร์ด อาคารชุดราคาปานกลาง 492 หน่วย ๆ ละ 1,300,000 บาท
3. บุรีเนอร์วานา ทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวแสนถูก ราคาหน่วยละ 170,000 บาท
4. โบโกพาร์ค ทาวน์เฮาส์ราคาปานกลาง คือหน่วยละ 1.378 ล้านบาท
5. แองคอลแมนชัน โครงการบ้านเดี่ยวและอาคารชุดราคาแพงใจกลางเมือง
6. เดอะเวฟ อาคารชุดราคาปานกลางใจกลางเมือง
7. วันพาร์คเรซิเดนซ์ อาคารชุดราคาค่อนข้างถูก
8. บิลลาบอง 5 เป็นทาวน์เฮาส์ราคาถูกเพียง 170,000 บาทต่อหน่วย
9. เมเปิล พาร์ค เป็นอาคารชึดราคาปานกลาง
10. แอมบาสเสด เป็นอาคารชุดราคาแพง ตารางเมตรละ 60,000 บาทขึ้นไป
จะสังเกตได้ว่าโครงการเหล่านี้มีชื่อคล้ายคลึงกับชื่อโครงการในกรุงเทพมหานครเช่นกัน โดยเป็นชื่อต่างประเทศเป็นหลัก และอาจมีชื่อพื้นถิ่นผสมอยู่บ้าง เป็นต้น
ข้อที่น่าสังเกตในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงจาการ์ตาก็คือ มีการลดราคากันขนานใหญ่ประมาณ 10-15% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ อย่างไรก็ตามโครงการที่เจ๊งคาให้เห็นนั้น ไม่พบ แต่ก็เชื่อว่ากำลังซื้อลดลงตามลำดับ
แนวทางการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในกรุงจาการ์ตาได้แก่การสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อด้วยมาตรการเช่นเดียวกับไทยคือ ระบบคุ้มครองเงินดาวน์ การก่อสร้างแบบกึ่งอุตสาหกรรมเช่นที่ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท ทำ อาจช่วยให้การก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบ SME ที่ไม่ใช่ขนาดใหญ่จนเกินไป อาจช่วยลดความเสี่ยงของโครงการได้ ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ยังพอมีความหวังในกรุงจาการ์ตาได้แก่ที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ราคาถูก และอาคารชุดราคาปานกลางใจกลางเมือง
สำหรับอินโดนีเซียมีความแตกต่างจากไทยตรงที่แม้กรุงจาการ์ตาจะมีขนาดใหญ่เช่นกรุงเทพมหานคร แต่นครขนาดรองลงมา ก็มีศักยภาพสูงมากเช่นกัน เพราะมีประชากรในเขตเมืองอยู่หลายล้านคนเช่นกัน ทำให้โอกาสการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเมืองภูมิภาคอื่น ๆ มีสูงมาก เช่น นครเมดาน นครสุราบายา นครเมดาน นครมาคาสซา และอื่น ๆ

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-การทำSEOสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือSMEอย่างไร

ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลกตกต่ำเช่นนี้ ภาคธุรกิจต่างๆต่างถอดถอยและล่มลงปิดโรงงาน จำต้องทยอยปลดคนงานเป็นว่าเล่น รวมถึงภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ หรือเอสเอ็มอี (SME) ด้วย จึงต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนเงินงบประมาณ ตรงกันข้าวธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซกลับมีการขยายตัว ดังนั้น ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME หรือโอท็อบ (Otop) จะผันตัวเองขยายธุรกิจแบบออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ ก็จะมีส่วนช่วยในการหาตลาดได้อีกทางหนึ่ง
ธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซจำเป็นจะต้องพึ่งความรู้ด้านไอทีอยู่พอสมควร ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีตามที่ได้ติดตามนิตยสาร SME Thailand นิตยสารเพื่อนคู่คิดธุรกิจเอสเอ็มอีจะเห็นได้ว่ามีผู้สนใจติดตามคอลัมน์เกี่ยวกับไอทีมากขึ้น
ผู้ที่ทำธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ หรือเอสเอ็มอี (SME) ต้องการที่จะใช้ธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซเข้ามาเสริมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องมีก็คือเว็บไซต์เป็นของตัวเองหรือบริษัท เพื่อที่จะเป็นตัวสื่อไปยังลูกค้าโดยตรงและทั่วโลกโดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านคนกลางเลยก็ได้ แต่การที่จะทำให้มีผู้จักหรือมีผู้เข้าชมเว็บไซต์เรารู้จักสินค้าของมากขึ้นนั้นก็ต้องมีวิธีการ วิธีการในที่นี้ก็คือการทำ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์เรา ส่วนพิธีการจะทำอย่างไรนั้นเเคยเขียนไว้เรื่อง "การใช้หลักภาษาไทยกับการทำ SEO โปรโมทเว็บไซต์สร้างเงินล้านฝ่าวิกฤติ" หรือ http://hi-hotnews.blogspot.com/2009/02/seo_09.html ซึ่งจะเป็นการเสนอแนะเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์เรา หรือหากจะไม่ศึกษาเองปัจจุบันนี้ก็มีเว็บไซต์ที่รับโปรโมทเว็บไซต์รับทำ SEO มากมาย ไม่เชื่อก็ลอง เสิร์ซโดยพิมพ์คำว่า SEO + SME จะเห็นเว็บไซต์ที่รับทำ SEO แล้ว ขณะเดียวกันเว็บไซต์ที่ทำรับทำเว็บไซต์หรือดีไซน์เว็บได้นำการทำ SEO มาเป็นจุดขายหรือหาลูกค้า
ดังนั้นจึงนำเป็นอย่างยิ่งที่เว็บไซต์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ หรือเอสเอ็มอี (SME) หรือแม้นแต่สินค้าโอท็อบ (Otop) จำเป็นจะต้องมีเว็บไซต็และทำ SEO เพราะเมื่อไม่ทำแล้วเมื่อไรจะมีคำสั่งซื้อสินค้าและเมื่อไรจะมีรายได้

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ

อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด นื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้
2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่อง ท้อ
3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออนหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศ สัมพันธ์ > มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหล
4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหาร ปวด ตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง
5. มะเร็ง ปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ ? หนักลดอย่าง ฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็ง ตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็ง สมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่
13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ **** ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิช ชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma ) คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ ถึงท่าน ผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-เย้...เสิร์ช เอนจิน (search engine)กูเกิ้ล(Google) เริ่มยอมรับเว็บFlashแล้ว

ก่อนหน้านี้คนที่ทำเว็บไซต์และทำ seo เพื่อที่จะหารายได้จาก Google AdSene โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ Google อนุญาตให้นำ AdSene มาแปะในเว็บไซต์ที่เป็นภาษาไทย คงจะปวดหัวไม่น้อยเพราะต้องการที่จะสร้างเว็บไซต์ให้ดูสวยงาม วิจิตรพิสดารต่างๆ แต่ปรากฏว่า search engine ของ กูเกิ้ล ไม่ชอบ เพราะ กูเกิ้ลชอบหน้าเว็บไซต์ที่เรียบง่าย
แต่จากการที่ไปร่วมสัมมนาเรื่อง”จับกระแสแนวโนม eBusiness พลิกวิกฤต สู่โอกาสสร้างรายได้” ที่ทางธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ทำให้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ เพราะขณะนี้ search engine ของ กูเกิ้ล เริ่มยอมรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย Flash มากขึ้น ดูได้จากการเสิร์ช จะพบคลิปของยูทูป อยู่ในอันดับต้นๆของหน้าค้นหาของกูเกิ้ลแล้ว
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ คุณสุธีร์ จันทร์แต่งผม ผู้เขียนหนังสือ ”SEO ปรับเว็บให้แรงแต่งให้ติดอันดับ” ได้กล่าวในการบรรยายเรื่อง”SEO Movement 2009 : Something like that” โดยบอกว่า จากการทำวิจัยการทำงานของกูเกิ้ลตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า search engine ของ กูเกิ้ล จะเก็บข้อมูลที่มีเนื้อหาหน้าเว็บที่ทำด้วย Flash มากขึ้น และจากผลการเสิร์ชร้อยละ 30 จะพบคลิปของยูทูป
ดังนั้นวิธีการแก้ไขเว็บที่ทำด้วย Flash ก็คือ ทำเนื้อหาใน Flash ให้เป็นตัวหนังสือและอย่าพยายามทำตัวหนังสือให้เป็นกราฟฟิค ขณะเดียวกันหน้าเว็บเพจที่เป็น Flash อย่าทำเป็นหน้าเดียวควรจะทำหลายๆหน้า อย่าทำเป็นไฟล์ใหญ่ควรจะทำเป็นไฟล์เล็กๆ และอย่าใช้โปรแกรม Flash เก่ามาทำควรจะนำโปรแกรมที่อัพเดทที่สุด
พร้อมกันนี้คุณสุธีร์ ยังได้กล่าวด้วยว่า กูเกิ้ลมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบ่อยมาก ซึ่งต่อไปนี้กูเกิ้ลจะการให้คะแนน 5 กับเว็บไซต์ที่มีคนเข้ามาชมสูงๆทั้งนี้เพื่อป้องกันเว็บไซต์ขยะที่มุ่งแต่นำคีย์เวิร์ดมาทำเพื่อหวังจะได้อันดับที่ดีๆ ต่อไปนี้กูเกิ้ลจะดูที่เนื้อหาในหน้าเว็บมากขึ้นมาการกอบบี้กันมาหรือไม่ เว็บไซต์ได้มีการระบุที่อยู่ของเว็บไซต์หรือคนทำหรือไม่ และจะดูไปถึงเว็บไซต์ให้ไอเอสพีของใคร
ทั้งนี้จากการทดลองทำ SEO ตั้งแต่ปี 2007 จะพบว่าแม้นว่าข้อมูลในหน้าเว็บไซต์เราจะติดอันดับ 1-15 แต่ก็จะอยู่ได้อย่างนานก็เพียง 3 เดือนเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ควรคำนึงสำหรับคนทำเว็บและทำ SEO ก็คือจะต้องมีความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ที่เป็น social networking ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ที่เกิดใหม่นั้นโตขึ้นเรื่อยๆ โดยนำลิ้งค์ไปแปะหรือฝาก อย่างเช่น Facebook หรือแม้นแต่เว็บไซต์ wikipedai ก็สามารถเขียนแนะนำเว็บไซต์ได้เช่นกัน หรือแม้นแต่การเขียนแนะนำในบล็อก เพราะว่ากูเกิ้ลชอบ ขณะเดียวกันในหน้าเว็บของจะมี RSS Feed เพราะจะเป็นเหมือนกระดิ่งให้กูเกิ้ลมาเก็บข้อมูลเราที่อัพขึ้นใหม่ หน้าเว็บไม่ควรจะใหญ่มาก ในที่สุดเว็บไซต์เราก็จะเป็นไยแมลงมุมและโตได้ แต่สิ่งที่ควรคำนึงก็คืออย่าทำไม่ผิดกฎของกูเกิ้ล เพราะจะโปรโมทให้เว็บติดอันดับและคนเข้ามาชมมากอย่างไรก็ไม่มีความหมาย

ITonnews-แห่ร่วมสัมมนาธุรกิจออนไลน์ธนาคารกรุงเทพเสริมเปิดรับซื้อเช็คต่างประเทศ

วันที่ 21 ก.พ.ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม ได้จัดสัมมนาเรื่อง”จับกระแสแนวโนม eBusiness พลิกวิกฤต สู่โอกาสสร้างรายได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ภาคคือ ภาคเช้าและภาคบ่ายโดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาภาคละประมาณ 600 คน ภายในงานผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับทราบรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ วิธีการและกลยุทธ์ในการเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ การสร้างรายได้แบบออนไลน์บนเว็บไซต์ Amzonc.om โดยตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้เขียนหนังสือ”สร้างรายได้ด้วย Goole” และGoogle Adwords โปรโมทเว็บให้ดังศาสตร์” และรู้จักกับ Google และหนทางสร้างรายได้ง่ายที่สุดจาก Google AdSene จากวิทยากรของ Google โดยได้มีการแนะนำเริ่มตั้งแต่การสร้างเว็บสร้าง บล็อก การใส่เนื้อหาในเว็บให้ถูกต้อง และขั้นตอนการสมัคร Google AdSene

แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือหัวข้อการรับซื้อเช็คต่างประเทศและรับเงินโอนค่าคอมมิชชั่นธุรกิจ Affiliate Marketing ผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขานิวยอร์ก ต่อไปนี้นักธุรกิจออนไลน์ที่มีรายได้ผ่านเช็คจาก Amzonc.om หรือ Google แล้วที่เป็นเช็คเงินสดต่างประเทศ ก็สามารถนำเช็คนั้นมาขึ้นเงินกับธนาคารกรุงเทพได้ เนื่องจากธนาคารกรุงเทพเป็นเพียงธนาคารเดียวของไทยที่มีสาขาที่สหรัฐอเมริกา โดยสามารถรับเงินค่าคอมมิชชั่นจากธุรกิจออนไลน์ในประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าบัญชีกับธนาคารกรุงเทพในประเทศไทยแบบ Direct Deposit ถอนเงินสกุลดอลล่าส์สหรัฐฯ จากบัญชีที่มีอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการรับชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตในประเทศสหรัฐฯมายังบัญชีธนาคารกรุงเทพ พร้อมรับเงินบาทมากขึ้นด้วยอัตตราแลกเปลี่ยนของธนาคารกรุงเทพในประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-Thailand Software Fair 2009 เปิดฉากโชว์ศักยภาพผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไทยสู่เวทีโลก

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA ผู้สนับสนุนหลักการจัดงาน “Thailand Software Fair 2009” นำทัพโชว์นวัตกรรมเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์ฝีมือคนไทย ด้วยแนวคิด “ พลิกวิกฤตโลก สู่โอกาสไทย ด้วยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์” อัดงบสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 1 ล้านบาท ลดราคาซอฟต์แวร์ 50% หรือไม่เกิน 10,000 บาท หวังช่วย SMEs ตัดสินใจใช้ซอฟต์แวร์ไทยมากขึ้น ช่วยยกระดับการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวในพิธีเปิดงาน Thailand Software Fair 2009 ว่า “กระทรวงไอซีทีมียุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีบทบาทในภูมิภาคอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งยังช่วยสนับสนุนและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีICT ในทุกภาคส่วนเพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งการจัดงาน Thailand Software Fair 2009 นี้จะเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์ตนเองสู่คนในประเทศ และชาวต่างชาติ และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเห็นคุณค่าของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ฝีมือคนไทย นำมาสู่การใช้เพื่อพัฒนาการทำงานในองค์กรอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ” ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า กล่าวถึงภาพรวมของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “ ซิป้าเป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน Thailand Software Fair 2009 ซึ่งตั้งใจว่าจะให้กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมหลักของซิป้าที่จะทำอย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป สำหรับแนวคิดหลักในปี 2552 นี้ คือ “ พลิกวิกฤตโลก สู่โอกาสไทย ด้วยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์” ซึ่งสอดคล้องกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยซิป้ามองว่าในสภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์ขณะนี้ ยิ่งจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น และความตื่นตัวในการวางแผน work flow การทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เข้ามาช่วยให้การทำงานขององค์กรมีระบบ และควบคุมความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ (Human Error) ได้นั่นก็คือ ซอฟต์แวร์
ดร.รุ่งเรืองกล่าวเพิ่มเติมว่า “การนำเสนอผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ โซลูชั่นส์ในงานนี้เราต้องการสร้างความเข้าใจ และความตระหนักให้แก่ประชาชนทั่วไป ให้คำว่า “ซอฟต์แวร์” สามารถจับต้องได้, ได้เห็นการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้อยู่ในสายงานไอที, SMEs และประชาชนทั่วไป ตลอดจนภาครัฐ และเอกชนทุกหน่วยงานที่มาร่วมงาน โดยเราคาดหวังว่าจะมียอดผู้เข้าชมงานกว่า 50,000 คน
ในส่วนบูทนิทรรศการของ SIPA เราเน้นที่ผลการดำเนินงานปี 2551 และการนำเสนอเว็บไซต์ของสำนักราชเลขาธิการ (www.ohmpps.go.th) และกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อีกมากมาย ทั้งนี้เราหวังว่างาน Thailand Software Fair 2009 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกท่านรวมถึงนักเรียน นักศึกษา และครัวครัวที่ต้องการพาเด็ก ๆ มาดูนวัตกรรมซอฟต์แวร์ฝีมือคนไทย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน ได้นำเทคโนโลยี ICT มาใช้ในชีวิตได้อย่างเหมาะสมในอนาคต”
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการนำกิจกรรมสร้างการเรียนรู้เพื่อกระตุ้นการใช้ซอฟต์แวร์ไทย เข้ามาช่วยกระตุ้นให้ SMEs มีการใช้ซอฟต์แวร์ในกิจการมากยิ่งขึ้น ว่า “ ในปีนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ DIP ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ใน SMEs มากขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะส่งเสริมให้ SMEs ได้ใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบงานไอที ในการเพี่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนต่างๆในองค์กร จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (Enhancing SMEs Competitiveness Through IT: ECIT ) ซึ่งมีหลายกิจกรรมที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนทั้ง SMEs และ ซอฟต์แวร์เฮาส์ไทย ให้ได้รับการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สำหรับกิจกรรม “สร้างการเรียนรู้เพื่อกระตุ้นการใช้ซอฟต์แวร์ไทย” เป็นกิจกรรมหนึ่งภายในโครงการดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลจาก ภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้ประมาณการเติบโตของตลาดซอฟต์แวร์ว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี แต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์กว่า 80% ส่วนใหญ่จะเป็นมูลค่าของซอฟต์แวร์ต่างประเทศมากกว่าซอฟต์แวร์ไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้ซอฟต์แวร์ไทยของ SMEs ยังมีการใช้น้อย ก็คือ ขาดการรับรู้ว่าประโยชน์การใช้ไอทีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร และไม่ทราบว่าในปัจจุบันความสามารถของซอฟต์แวร์ไทยมีดีไม่น้อยกว่าของต่างประเทศ นอกจากนี้ยังขาดแรงกระตุ้นในการส่งเสริมการใช้ซอฟต์แวร์ไทย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงอยากจะมีส่วนช่วยส่งเสริม และสนับสนุนให้ SMEs มีการนำซอฟต์แวร์ไทยไปใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะกิจการ โดยได้กำหนดกิจกรรม “สร้างการเรียนรู้เพื่อกระตุ้นการใช้ซอฟต์แวร์ไทย” ขึ้น และให้มีการอบรมสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์ประเภทต่าง ๆ ภายในงาน Thailand Software Fair 2009 เช่น
- หัวข้อ “เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ ผ่านโลก ออนไลน์ ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ” จาก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
- หัวข้อ “ลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน ผ่านการจัดระบบบริหารคลังสินค้า” โดย ผู้เชี่ยวชาญจาก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ
- หัวข้อ “ระบบภาษีทันสมัย สะดวก รวดเร็ว” โดย ผู้เชี่ยวชาญจาก กรมสรรพากร
เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที มาเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไปที่
ต้องการเลือกซื้อซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับความต้องการ และประเภทธุรกิจ จำนวน 10 ท่าน ต่อวัน และได้อัดฉีดเงินสนับสนุนกว่า 1,000,000 บาท เพื่อกระตุ้นการซื้อหรือสั่งจองซอฟต์แวร์ในงาน โดย SMEs จะได้รับส่วนลดการซื้อหรือสั่งจองซอฟต์แวร์ภายในงานถึง 50% หรือไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งคาดว่าจากการจัดกิจกรรมแบบครบวงจรภายในงาน Thailand Software Fair 2009 นี้ น่าจะกระตุ้นให้ SMEs ไม่น้อยกว่า 100 ราย มีการตัดสินใจซื้อซอฟต์แวร์มาใช้ในธุรกิจ และในระยะยาว กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังให้การส่งเสริมกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้ไอทีในธุรกิจอุตสาหกรรม และกระตุ้นให้ SMEs ใช้ซอฟต์แวร์ไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยเติบโตและมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นด้วย ”
สำหรับกิจกรรมภายในงาน Thailand Software Fair 2009 ที่แต่ละบูทนำเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และนวัตกรรม ICT มาจัดแสดงภายในงานแล้ว ในส่วนของการสัมมนาให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ
1. บริเวณเวทีกลาง (Software Showcase) เป็นการสัมมนาและสาธิตโซลูชั่นส์ซอฟต์แวร์ซึ่งเราเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ได้นำซอฟต์แวร์เด่น ๆ ของตัวเองมาแนะนำ และสาธิตการใช้งาน
2. การสัมมนาด้านไอทีโซลูชั่นส์ (IT Solutions) เพื่อสาธิต และโชว์นวัตกรรมเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ฝีมือคนไทย รวมถึงการให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาในการประกอบการพิจารณาเลือกซื้อซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับธุรกิจ
3. การสัมนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Intelligence Technology) เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีด้าน ICT ในประเทศ และแสดงบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคม จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่รองรับความต้องการของผู้ใช้ และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และประเทศ เช่น Green IT, ซอฟต์แวร์การทำงาน Telesales ที่ผู้พิการสามารถทำงานได้จากที่บ้าน และซอฟต์แวร์เพื่อครอบครัว สังคม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีมุมสำหรับเจรจาธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจ, SMEs และผู้ที่สนใจซื้อซอฟต์แวร์ได้พูดคุยกับบริษัทซอฟต์แวร์ พร้อมชมการสาธิตการใช้ หรือตกลงซื้อขายอยางเป็นส่วนตัว
อนึ่งงาน Thailand Software Fair 2009 จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 3 ชั้น 5 สยามพารากอน

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-ห้าโมงเช้างานไทยแลนด์ซอฟต์แวร์2009เริ่มที่พารากอน

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จะจัดงาน “ Thailand Software Fair 2009 ” ขึ้นในวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ณ รอยัลฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแห่งความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ บริษัทและห้างร้านต่างๆ ได้เข้าร่วมงานแสดง และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านซอฟต์แวร์ ไอทีโซลูชัน และบริการอันเกี่ยวเนื่องกับไอซีที อันจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไป ที่จะได้ทราบถึงความก้าวหน้าด้านไอซีทีของประเทศไทย และเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจและชีวิตประจำวัน
พิธีเปิดงานสัปดาห์ซอฟต์แวร์แห่งชาติ ประจำปี 2552 “ Thailand Software Fair 2009 ” ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 11.00-12.00 น.
เวลา 11.00 – 12.00 น.ณ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานเปิดงาน
เวลา 11.35 น. ดร. รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ขึ้นเวทีกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน Thailand Software Fair 2009
Hilight ของงานจะได้พบและนวัตกรรมซอฟต์แวร์อัจฉริยะระดับโลก การได้รับส่วนลดพิเศษ รวมถึงการเข้ารับฟังคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ฯลฯ และ
1. สิทธิพิเศษสำหรับ SMEs ที่กำลังมองหาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยบริหารกิจการ, ลดต้นทุนการผลิต และควบคุมคุณภาพสินค้า กับการได้รับส่วนลดพิเศษ 50% หรือไม่เกิน 10,000 บาท จากการสั่งจอง หรือซื้อซอฟต์แวร์ภายในงาน (สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ คุณฝน โทร 089 141 7121)2. ใครว่าช่วงนี้วิกฤตของ SMEs, เชิญพบกับ โปรแกรมแชร์แวร์บัญชี และบริหารงานบุคคล/เงินเดือน ในราคาโปรแกรมละ50 บาท พร้อมสัมมนาการใช้งานภายในงาน
3. ผู้เข้าร่วมงาน รับฟรี โปรแกรมสำหรับผู้ต้องการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา กับโปรแกรม I can speak และโปรแกรมพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ กับโปรแกรม i Dictionary
4. สำหรับผู้สนใจนวัตกรรมซอฟต์แวร์อัจฉริยะระดับโลก เชิญพบกับไมโครซอฟท์ Roundtable (สาธิตการใช้งานที่บูทไมโครซอฟท์ตลอดทั้งงาน) ซอฟต์แวร์สื่อสารตัวใหม่ที่จะมายึดอำนาจโทรศัพท์ในอนาคต กับเทคโนโลยี "Unified Communications" ซอฟต์แวร์สื่อสารแบบเรียลไทม์สำหรับใช้ในองค์กร ไมโครซอฟท์ระบุว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ VoIP ลงกว่าครึ่งหนึ่ง ไมโครซอฟท์ออกแบบซอฟต์แวร์นี้ให้ธุรกิจสามารถผูกรวมการสื่อสารทั้งหมดไว้ในหน้าต่างเดียว ทั้งอีเมล โปรแกรมสนทนา โปรแกรมโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต ตารางปฏิทินงาน รวมถึงโปรแกรมประชุมงานทางไกลเพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลาผ่านคอมพิวเตอร์และร่วมสื่อสารกับหุ่นยนต์ “Microsoft Robotic Studio” หุ่นยนต์ที่สื่อสารและขยับได้เหมือนมนุษย์ ด้วยการสั่งงานจากซอฟต์แวร์ ซึ่งได้รับการพัฒนาบน Microsoft Platform
5. พบบูทนิทรรศการ“IBM Software for a Greener World” เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัท, โรงงานอุตสาหกรรม, หน่วยงานต่าง ๆ และ SMEs ได้ศึกษาแผนสำหรับช่วยองค์กรปรับแต่งอินฟราสตรักเจอร์ โหลดภาระงานและทรัพยากรบุคคลของตนเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กับ “Software for a Greener World” ที่เน้น 3 กลยุทธ์สำคัญ คือ 1. ด้านบุคลากร ด้วยการใช้เครื่องมือออนไลน์ช่วยการประสานงาน เพื่อลดการเดินทาง 2. ด้านภาระงาน ลดโหลดภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจ และ 3. ด้านอินฟราสตรักเจอร์ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และบำรุงรักษาอินฟราสตรักเจอร์
6. และพิเศษสุด สำหรับ ผู้ประกอบการ, นักบริหาร, นักธุรกิจ และ SMEs ที่กำลังศึกษาหรือหาข้อมูลเพื่อนำซอฟต์แวร์มาใช้อย่างเหมาะสม กับงานสัมมนาเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์อย่างไรให้เหมาะสมกับองค์กร พร้อมรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IT จำนวน 10 ท่าน ตลอดทั้ง 3 วัน

ITonnews-ชวนทำบุญผ่านเว็บกับพระอาจารย์มิชูโอะ

+++อ้าวใครที่มีจิตศรัทธาสร้างบุญบารมีสนับสนับโครงการของพระอาจารย์มิชูโอะ คเวสโก พระชาวญี่ปุ่นที่บวชและจำวัดที่จังหวักาญจนบุรี อย่างเช่นโครงการอุทยานการศึกษา โครงการส่งเสริมอาชีพเป็นต้น ได้ที่ www.praajahn-mitsuo.org หรือท่านใดต้องการที่จะฝึกจิตนั่งสมาธิก็สามารถทางไปใช้บริการที่วัดนี้ได้ ซึ่งติดต่อไปทางมูลนิธิได้ (โฟตส์ทูเดย์)

ITonnews-เว็บสร้างสมาธิแก้ปัญหาชาติ

+++ต้องขออนุโมทนานักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หรือ มศว ได้ทำเว็บไซต์ชื่อ samathi4life.com เมื่อปี 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เสนอข่าวสารประชาสัมพันธ์งาน และกิจกรรมปลูกฝังคุณธรรมต่างๆ เป็นส่วนหนึ่นในการรณงค์สร้างคนเก่งและคนดี ด้วยการนำสมาธิเข้ามาช่วย เชื่อแน่ว่าจะมีส่วนให้แก้ปัญหาของชาติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กตีกัน มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร (ไทยรัฐ)

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ITonnews-เปิดตลาดกลางสินค้าของขวัญผ่านอีคอมเมิร์ซ"

นายไตร กาญจนดุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท พันธวณิช จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับสินค้าพรีเมี่ยมและของขวัญ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรในรูปแบบบีทูบี รวบรวมสินค้าผู้ขาย และผู้ซื้อไว้ที่เดียวกันผ่านเว็บไซต์ www.premium.pantavanij.com (คมชัดลึก)

ITonnews-อุตฯจับมืออีเบย์หนุนเอสเอ็มอีสู่ธุรกิจ"อีคอมเมิร์ซ"

+++นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมมือกับอีเบย์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไทยในการขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลก โดยใช้ระบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อมากกว่า 86 ล้านราย บนแพลทฟอร์มตลาดออนไลน์ของอีเบย์ พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมวางขายสินค้าสำหรับ 100 รายการแรกของสมาชิกใหม่ที่สมัครภายใต้โครงการ “เสริมพลังธุรกิจ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซ” ซึ่งได้มีการสัมมนาเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความรู้และทักษะในการขายสินค้าในตลาดโลกด้วยระบบอีคอมเมิร์ซผ่านอีเบย์ (คมชัดลึก)

ITonnews-จากงานอดิเรกแต่งตุ๊กตาBlythe เป็นรางวัลสู่ebey

+++จากงานอดิเรกและความชื่นชอบในตุ๊กตาบลายธ์มานานถึง 7 ปี ทำให้ "กวางเจา" รินนา คลานุวัฒน์ ประธานบริษัท มายด์ทริกเกอร์ จำกัด นักเขียนและนักวาดภาพประกอบหนังสือสำหรับเด็ก และศิลปินอิสระสร้างสรรค์ผลงานกราฟฟิก ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน เลือกที่จะสะสมและหยิบจับตุ๊กตาตัวสวยมาดัดแปลงเป็นตุ๊กตาBlythe และส่งผลงานเข้าประกวนในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ "Blythe Beauty Contest 2008" ในชื่อทีมมายด์ทริกเกอร์ และได้รับรางวัลที่ 2 จากประเภท Petite Beauty Category กับผลงานที่ชื่อว่า "Duchess Dolce & Darjeeling Darling" และ รางวัลที่ 3 ประเภท Natural Beauty ในผลงานชื่อ "Cuddly Lulu"
+++และทีมมายด์ทริกเกอร์ยังเป็นทีมเดียวจากประเทศไทยที่สามารถผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของการประกวดในปี 2007 และ 2008 ที่ผ่านมาอีกด้วย ล่าสุดเธอพร้อมลูกทีมยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเกือบ 3 เดือน สรรค์สร้างตุ๊กตาบลายธ์ขึ้นมาใหม่ 5 เซต เพื่อนำไปประมูลในเว็บไซต์
www.ebay.com ด้วยตั้งใจว่ารายได้จากการประมูลทั้งหมด จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อสมทบทุนมูลนิธิทีปังกรรัศมีโชติต่อไป (คมชัดลึก)

ITonnews-อี-บุ๊ค(e-book)บูมอี-นอ...สอพอหรือหนังสือพิมพ์ตายแน่ๆ

+++ช่วงวิกฤติเศรฐกิจเกิดขึ้นทั่วโลกเช่นนี้ ภาคธุรกิจต่างๆมีแต่ทรุดกับทรุดคนตกงานเกิดขึ้นทุกวัน แต่สำหรับธุรกิจสกุลอี (e) ทั้งหลายกลับเจริญเติบโตสวนกระแส ไม่ว่าจะเป็น อี-บุ๊ค (e-book) อี-คอมเมิร์ช (e-commerce) อี-การ์ด (e-card) เป็นต้น สำหรับนั้น อี-บุ๊คคือแผ่นกระดาษอิเล็กทรอนิกส์บางๆ ล่าสุด อเมชอลดอดคอมได้เปิดตัวเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ อี-บุ๊ค รุ่นที่บางกว่าเก่าคือ คินเดิล 2 หรือ Kindle 2 วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งมีความสามารถโหลดหนังสือได้มากถึง 1,500 เล่มเลยทีเดียว(โฟสต์ทูเดย์)
อี-บุ๊คจุฬาฯเพิ่มเป็น99เล่มแล้ว
+++ขณะเดียวกันหันมาดูที่ประเทศได้บ้าง ก็มีห้องสมุดมหาวิทยาลัยต่างๆก็พยายามส่งเสริมการอ่านให้กว้างขวาง โดยพัฒนาอี-บุ๊ค (e-book) ขึ้นมา อย่างเช่นที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มมา 2 ปีแล้ว จากเดิมก็ทำหนังสือเป็น อี-บุ๊ค (e-book) 7 เล่า ตอนนี้ก็เพิ่มเป็น 99 เล่มแล้ว หากใครที่ต้องการใช้บริการต้องส่งอีเมลไปขอรหัสผ่านที่สำนักบริหารวิชาการ อีเมล
cu_ebook@chula.ac.th หลังจากได้รหัสแล้วก็เข้าไปใช้บริการที่ http://www.ejournal.academic.chula.ac.th/ebook (เดลินิวส์)
ระวังภัยคุกคามออนไลน์
+++บรรดาอี(e)ทั้งหลายที่บูมมากๆก็ต้องระมัดระวังภัยที่จะตามมากับโลกออนไลน์ ตัวสำคัญคือไวรัส กับดักพลาดเวิร์ดเมล์หรือเรียกว่า มัลแวร์ เพื่อลวงข้อมูลจากเครื่องคอมพิวส์เตอร์ของเรา (กรุงเทพธุรกิจ)
โฆษณาออนไลน์ฉลุยแล้วอี-นอ...สอพอหรือหนังสือพิมพ์หละ
+++นายเกษมาช นีรปัทมะ กรรมการผู้จัดการสื่อออนไลน์ บริษัทท็อปสเปช(ประเทศไทย) ตัวแทนรับบริหารสื่อโฆษณาออนไลน์บอกว่า มูลค่าสื่อโฆษณาออนไลน์ปีนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ2 จากเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7.6 หมื่นล้านบาท แม้นว่าจะลดลงจากปีที่แล้วบ้าง ทั้งนี้เนื่องจากผลการเติบโตของชุมชนออนไลน์หรือโซเชียล เน็ตเวิร์ก(Net Social) (โฟสต์ทูเดย์) แต่สื่อสิ่งพิมพ์หละเป็นอย่างไรบ้าง ก็รู้ๆกันอยู่ว่ายอดหด หลายคายได้พยายามที่จะหันมาทางสื่อออนไลน์ตอนนี้ก็มีการปรับปรุงโครงการกันยกใหญ่โดยเฉพาะบุคคลก่อนที่ยังยึดอยู่กับสื่อสิ่งพิมพ์อยู่ก็ต้องเข็นกันอะนะ
ไมโครซอฟท์เปิดร้านค้าปลีกชนแอ๊ปเปิ้ล
+++หลังจากแอ๊ปเปิ้ลได้เปิดร้านค้าปลีกขายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่างไอโฟรน ล่าสุดไมโครซอฟท์เอามั้ง โดยว่าจ้างอดีตผู้บริหารร้านค้าปลีชั้นนำ “วอลมาร์ท” ที่เคยวางกลยุทธ์ให้กับแอ๊ปเปิ้ลมาแล้วมาช่วยวางแผนเปิดร้านให้ ก็ต้องบอกว่าใช้กลยุทธ์แบบเกลือจิ้มเกลือเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ)
งานไทยแลนด์ซอฟต์แวร์2009
+++ ระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ.นี้ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือซิป้าและสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย จัดงานไทยแลนด์ ซอฟต์แวร์ แฟร์ 2009 (Thailand Software Fair 2009) ที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ 3 ชั้น 5 โดยจะมีเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ทั้งไทยและทั่วโลกกว่า 100 บริษัทมาแสดง เชื่อว่างานนี้จะมีส่วนช่วยผู้ที่ตกงานและบุคคลทั่วไปได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันทางศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาต(เนคเทค) ได้ร่วมมือกับบริษัทไมโครซอฟต์(ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกันทำการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีสำหรับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส (เดลินิวส์)
ทรูจัดอีคอมเมิร์ชที่เมืองทองธานี
+++เมื่อไปดูงานที่ไทยแลนด์ ซอฟต์แวร์ แฟร์ 2009 แล้วยังไม่จุใจวันที่ 1 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ทาง บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จัดสัมมนาเรื่อง เจาะกึ๋นเริ่มธุรกิจใหม่แบบต้นทุนต่ำและเคล็ดลับต่อยอดธุรกิจอีคอมเมิร์ช ที่ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี (โฟสต์ทูเดย์) แต่คนใจร้อนจะไปสังเกตการณ์ที่ งาน Thailan d eBusiness Summit แล้ว ซึ่งเป็นงานสำหรับนักธุรกิจออนไลน์วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 08.45 - 17.00 น. ณ ห้องบัวหลวง ชั้น30 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม กทม. แม้นจะไม่ได้สมัครก็ตาม
งบท้องถิ่นหอมกสทฯจ้องดึงเป็นลูกค้าบรอดแบนด์
+++ หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้พยายามที่จะกระตุ้นให้มีกระตุ้นให้มีการเบิกจ่ายงบท้องถิ่นกว่าแสนล้านบาท ส่งผลให้หน่วยงานบริษัทต่างๆตาลุกวาวมองเห็นก้อนเนื้อชิ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำส่งออกไม่ได้ ทางบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) หรือ CAT ได้เห็นมามองลูกค้าในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง อบต.และอบจ. เพื่อเพิ่มรายได้ในธุรกิจบรอดแบนด์(อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง) มูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจัดเก็บภาษี โฆษณาสินค้า การลงทะเบียน (ไทยโฟสต์)

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คลิป Arsenal 4-0 Cardiff City Highlights

ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิดบ้านถล่ม"บูลเบิร์ด" คาร์ดิฟฟ์ 4-0 ผ่านเข้าสู่ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5 ไปดวลแข้งกับ เบิร์นลีย์ สำเร็จ
ดู คลิปวีดีโอ

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เที่ยวปายวันวาเลนไทน์(Valentine)วันแห่งความรักหรือวันแห่งความใครกันแน่

วาเลนไทน์ (Valentine) ปีนี้แม่ฮ่องสอนจัดคึกคัก“เทศกาลปาย…รัก สุดขอบฟ้า” จัดพิธีแต่งงานแบบล้านนา คู่รักดารา-อดีตรองราชินีช้าง-รมต.ร่วมวิวาห์ใต้สมุทรตรัง นครราชสีม"14 กุมภาวิวาห์หลานย่า" เชียงใหม่ให้คู่รักเข้าชมออควอเรียมอุโมงค์ใต้น้ำ ตะลึง!เด็กชาวอังกฤษวัย13ปีเป็นคุณพ่อรับวาเลนไทน์ (Valentine) เหตุได้รับคำเตื่อนจาก พระว.วชิรเมธีให้โจ๋เดินบันได 4 ขั้นสู่รักแท้ จึงส่งผลให้วัยรุ่นไทยเข้าใกล้โรคเอดส์สูง
ผ่านไปอีกหนึ่งปีสำหรับวันวาเลนไทน์(Valentine)หรือคนไทยเรียกว่าวันแห่งความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนคึกคักไม่น้อย เพราะ อ.ปาย แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อได้จัดงาน “เทศกาลปาย…รัก สุดขอบฟ้า” ได้จัดพิธีแต่งงานแบบล้านนา 50 คู่ พร้อมกับให้ทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ไปเที่ยว อ.ปาย
พิธีแต่งงานแบบล้านนานั้นได้จัดให้คู่บ่าวสาว 50 คู่ นั่งบนหลังช้างสุดอลังการ มีการล่องแพไม้ไผ่ ที่ตกแต่งอย่างงดงามในลำน้ำปาย การถ่ายภาพที่ระลึก ณ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
คู่รักดารา-อดีตรองราชินีช้าง-รมต.ร่วมวิวาห์ใต้สมุทรตรัง
ที่ชายหาดปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ก็ไม่แพ้กันเพราะเป็นสถานที่จัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2009 ครั้งที่ 13 ภายใต้คอนเซป Love & Harmony in Us All หรือรักษ์เรา รักษ์โลก ซึ่งจัดขึ้นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ (Valentine) หรือวันแห่งความรัก มีคู่บ่าวสาวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวน 35 คู่ ประกอบด้วย คู่ของ เมจิ อโณมา ศรันย์ศิขริน และแมน ศุภกิต ตังทัตสวัสดิ์ คลาวเดีย และอัคพร วิชิตตรานนท์ และคู่พิเศษที่ได้รับความสนใจ คือ คู่ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับนางสุพร วงศ์หนองเตย ภรรยาและลูกๆเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย สำหรับคู่บ่าวสาวที่ถือเป็นคู่พิเศษ สำหรับงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2009 คือคู่น.ส.จิตราวดี ชุติมันตา อดีตรองอันดับ 1 ราชินีช้าง น้ำหนักกว่า 100 กก.ที่ควงคู่มากับแฟนหนุ่ม นายสุทธิพงษ์ ณรงค์ภัณธ์ คู่บ่าวสาวที่เข้าร่วมกิจกรรมพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2009 ด้วย
นครราชสีม"14 กุมภาวิวาห์หลานย่า"
สำหรับจังหวัดนครราชสีมา ได้จัด "14 กุมภาวิวาห์หลานย่า มีกิจกรรรมหลัก 3 อย่าง ในการพิจาณาการประกวด คือ " นวัตกรรมหลานย่า " ที่เน้นคู่สมรสที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ มาใช้ในการแต่งตัวหรือประดับชุดสมรส
ปราจีนบุรีจัดพิธีสมรสกลางเวหา
ขณะที่จังหวัดปราจีนบุรีจัดพิธีจดทะเบียนสมรสหมู่กลางเวหาที่บ้านผางามรีสอร์ท อ.นา 3 คู่ ให้คู่บ่าวสาวเหินลอยตัวอยู่เหนือแมกไม้นานาพันธุ์กลางอากาศ ที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 25 เมตร บนจุดยอดเขาของผืนป่าดงพญาเย็น แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 575 เมตร ผ่านลวดสลิงลอยตัวไปไกลตามแนวเทือกเขาเป็นระยะทาง 105 เมตร
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจัดคู่รักจะได้นั่งช้างชมธรรมชาติ
ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้จัดคู่รักจะได้นั่งช้างชมธรรมชาติและให้อาหารช้าง
เชียงใหม่ให้คู่รักเข้าชมออควอเรียมอุโมงค์ใต้น้ำ
ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยโครงการสวนเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จัดงาน"Amazing Wedding in Chiang Mai 2009 โดยคู่รัก 20 คู่แรก ได้ดบัตรเข้าชมอุโมงค์ใต้น้ำหรืออควอเรียมภายในสวนสัตว์เชียงใหม่
พิจิตรจัด“สานรัก สานสัมพันธ์ คนพิจิตรรักกัน”
จังหวัดพิจิตรได้จัดงาน“สานรัก สานสัมพันธ์ คนพิจิตรรักกัน” ณ สวนพระพิจิตร ริมแม่น้ำน่าน หน้าศาลากลางจังหวัดพิจิตรหลังเดิม มีกิจกรรมและแสดงออก ซึ่งความรักที่ดีงามต่อกัน อาทิ การออกร้านจำหน่ายอาหารของเยาวชน คลิกนิกนมแม่เคลื่อนที่การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ
16 คู่รักร่วมจดทะเบียนที่ภูกระดึง
ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ได้มีคู่บ่าวสาว 16 คู่ ทำพิธีจดทะเบียนสมรสบนยอดภูกระดึง จากนั้นคู่บ่าวสาวทยอยเดินขึ้นสู่ยอดภูกระดึง เพื่อจะได้เข้ารวมในพิธีจดทะเบียนสมรส ส่วนที่ อ.ด่านซ้าย ก็มีการจัดกิจกรรมเช่นเดียวกัน โดยคู่สมรสที่มาจดทะเบียนจะได้รับแจกผ้าห่ม และมีขบวนผีตาโขนมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
ตะลึง!เด็กชาวอังกฤษวัย13ปีเป็นคุณพ่อรับวาเลนไทน์(Valentine)
แต่ที่ทำให้รู้สึกอึ้งตะลึกไม่น้อยสำหรับวันวาเลนไทน์ (Valentine) ปีนี้เมื่อได้ทราบว่า เด็กชายอังกฤษเป็นพ่อคนตั้งแต่อายุแค่ 13 ปี เหตุมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกโดยไม่ป้องกัน ได้รับการเปิดเผยจากหนังสือพิมพ์เดอะ ซัน ของอังกฤษ จากบทสัมภาษณ์ของเด็กแม้นว่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องการเลี้ยงลูกเท่าไหร่ ไม่รู้กระทั่งค่าผ้าอ้อมมีราคาไม่ได้คิดถึงว่าจะหาเงินเลี้ยงลูกยังไง แต่คำหนึ่งที่น่าชมก็ถือ”แต่ผมจะเป็นพ่อที่ดี ผมใส่ใจนะ"
ว.วชิรเมธี เตือนโจ๋เดินบันได 4 ขั้นสู่รักแท้
แต่เชื่อแน่ว่าหากเด็กชาวอังกฤษหรือคนทั่วไปได้อ่านคำเตือนของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (พระว.วชิรเมธี) ผอ.สถาบันวิมุตตยาลัย ที่ได้กล่าวเตือนเด็กและเยาวชนเนื่องในวันวาเลนไทน์ (Valentine) ว่า ให้เดินบันได 4 ขั้นสู่รักแท้
คือ 1.รักตัวกลัวตาย รักชนิดนี้ ถ้ามีมากๆ จะทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว
ขั้นที่ 2 รักใคร่ปรารถนา อิงกับสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ ความรักชนิดนี้มีมากจะทำให้เกิดความลุ่มหลง กามารมณ์ หนุ่มสาวจะยึดความรักชนิดนี้เป็นที่พึ่งของชีวิต ยึดติดความใคร่มาใช้ในนามของความรัก จนกลายเป็นความโลภ คือ อยากจะครอบครองใครสักคนให้อยู่ในความควบคุมของเรา พอควบคุมไม่ได้ความรักก็กลายเป็นความร้าย เป็นโศกนาฏกรรม เช่น ทำร้ายคนรัก เผยแพร่คลิปคนรัก สาดน้ำกรดคนรัก เป็นต้น
ขั้นที่ 3 รักเมตตาอารี ให้เห็นคนทั้งโลกว่า เป็นมิตรแก่เรา
และขั้นที่ 4 รักมีแต่ให้ รักปัญญาชนไม่คิดจะทำร้ายใคร ไม่หวังผล ซึ่งความรักจะต้องพัฒนาจนปลายทางของความรักแท้ คือ ความกรุณารักที่จะเป็นผู้ให้
เผยวัยรุ่นไทยเข้าใกล้โรคเอดส์
แต่จะมีเด็กไทยสักกี่คนที่รักด้วยสมอง เพราะส่วนใหญ่แล้วมีแต่รักขึ้นสมอง เอาความใครกามารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่มีความรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำ ดังนั้นสถิติของเด็กไทยจึงมีเซ็กส์ก่อนวัยอันควรสูงและสิ่งที่ตามมาก็คือติดเชื้อเอดส์สูงก็ตามมา แล้วก็มีแต่ตายลูกเดียว
ดังนั้น วันวาเลนไทน์ (Valentine) ตามความหมายของเด็กไทยวัยรุ่นไทยเป็นวันแห่งความรักหรือวันแห่งความใคร่กันแน่ หากไม่ปฏิบัติตามคำที่พระว.แนะแล้วก็ควรจะเปลี่ยนความหมายของวันวาเลนไทน์ (Valentine) แทนที่จะเป็นวันแห่งความรักก็เป็นวันแห่งความใคร่หรือวันแห่งความตาย เพราะจะได้ตรงตัวดี แต่ต้องมานั่งหาทางป้องกัน เพราะอีกไม่นานพวกก็จะตายไปจากโลกนี่แล้ว


มหาเนชั่นรายงาน

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน...ลม TATA Motors‏

ตาต้ามอเตอร์ บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประกาศผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน โดยจะทยอยนำส่งเข้าสู่โชว์รูมในปี พ.ศ. 2552 รถยนต์พลังลม หรือ AirCar นี้ ใช้การปล่อยอากาศจากระบบบีบอัดอากาศด้วยความดันสูง โดยอากาศที่ปล่อยออกมาจะทำหน้าที่หมุนเพลา ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้
โดยการเติมอากาศ สามารถเติมได้ตามสถานีอัดอากาศด้วยราคาไม่แพง โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อการเติมอากาศหนึ่งครั้ง
บริษัทผู้ออกแบบรถยนต์พลังลมคันนี้ คือ บริษัท MDI จากประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งให้สิทธิบัตรแก่ตาต้าในการผลิตรถยนต์พลังลมในประเทศอินเดีย โมเดลแรกของตาต้า CityCAT ตั้งราคาไว้ประมาณ 400,000 บาท โดยตาต้าหวังไว้ว่าจุดเด่นของ CityCAT ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และราคาไม่แพง จะทำให้รถพลังลมรุ่นแรกนี้ จะทำยอดขายได้ดีในตลาดอินเดีย

สว.สรรหา ตั้งกระทู้สกัดรัฐเดินหน้าเหล็กต้นน้ำวันนี้

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก เปิดเผย กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียืนยันระหว่างการโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำว่า จริงๆ แล้วรัฐสนับสนุนให้เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ หากได้ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ญี่ปุ่นและจีนเข้ามาช่วยน่าจะดีขึ้น โดยจะต้องมีการหารือกันอีกรอบเนื่องจากไทยต้องเป็นฝ่ายจัดหาสถานที่ และดำเนินการทุกอย่างทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา ที่ก็ยังดำเนินการต่อไปได้ เพราะได้เตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว รอแค่การเจรจาข้อตกลง ระหว่างสหวิริยากับกระทรวงอุตสาหกรรม หลังกลับจากการโรดโชว์และเสนอเข้าที่ประชุมครม. เพื่อการอนุมัติต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาในวันศุกร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์นี้ นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหา ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการโรงถลุงเหล็ก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยระบุว่า ในสภาพที่รัฐบาลดำเนินตามนโยบายพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกสนับสนุนการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชนตามแนวทางของสภาพัฒน์ฯซึ่งต้องแลกกับผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมของชุมชนท้องถิ่นนั้น รัฐบาลซึ่งมีนโยบายมุ่งเศรษฐกิจพอเพียงจะพิจารณาทบทวนการพัฒนาแนวทางนี้อย่างไร

AREAแถลงเดือนมกราคมมีอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่เพียง14โครงการ

น.ส.ปัทมา จันทรานุกูล กรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA www.area.co.th แถลงง่า

ในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเกิดใหม่รวมทั้งสิ้นเพียง 14 โครงการ ซึ่งในเดือนนี้มีจำนวนโครงการเกิดใหม่ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 7 โครงการ โดยลักษณะการพัฒนาโครงการเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยจำนวน 13 โครงการ และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกจำนวน 1 โครงการ (โปรดดูตารางที่ 1)
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ทั้ง 14 โครงการที่กล่าวข้างต้น มีจำนวนหน่วยรวมกันทั้งสิ้น 4,298 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 17,252 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนี้:

ประเภท
จำนวนหน่วยขาย
% หน่วยขาย
มูลค่าโครงการ (ลบ.)
% มูลค่าโครงการ
บ้านเดี่ยว
917
18.6%
3,366
19.5%
บ้านแฝด
306
6.2%
852
4.9%
ทาวน์เฮ้าส์
1,068
21.7%
1,539
8.9%
อาคารพาณิชย์
62
1.3%
247
1.4%
อาคารชุด
1,831
37.2%
7,302
42.3%
ที่ดินจัดสรร
0
0.0%
0
0.0%
RE (อื่น ๆ)
744
15.1%
3,946
22.9%
รวม
4,928
100%
17,252
100%

จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้พบว่ามีอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดรวมจำนวน 4,928 หน่วย และในเดือนนี้การพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดก็ยังมีการพัฒนามากเป็นอันดับ 1 อีกเช่นเดือนที่ผ่าน ๆ มา โดยมีจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่มากถึง 1,831 หน่วย หรือประมาณ 37.2% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ส่วนการพัฒนาลำดับรองลงมาคือ ประเภททาวน์เฮ้าส์มีการพัฒนาอยู่จำนวน 1,068 หน่วย หรือประมาณ 21.7% ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดใหม่ทั้งหมด ส่วนอันดับ 3 ที่มีการพัฒนาคือประเภทบ้านเดี่ยว มีหน่วยขายอยู่จำนวน 917 หน่วย หรือประมาณ 18.6% ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งลักษณะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา เพียงแต่มีจำนวนโครงการลดลง และมีจำนวนหน่วยขายมากขึ้น ส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ยังมีการพัฒนาในสัดส่วนที่น้อยอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มของอาคารพาณิชย์ และที่ดินจัดสรร

มูลค่ารวมของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดใหม่ในเดือนมกราคม 2552 นี้มีจำนวนทั้งสิ้น 17,252 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 9,160 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 113% ซึ่งในเดือนนี้ลักษณะการพัฒนาจะเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางเป็นสำคัญ โดยเฉพาะที่ระดับราคาไม่เกิน 3.000 ล้านบาท มีการเปิดตัวมากถึง 3,282 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 67 ของจำนวนหน่วยที่มีการเปิดขายทั้งหมด และที่ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเพียง 789 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 16 ของจำนวนหน่วยที่มีการเปิดขายทั้งหมด ซึ่งในเดือนนี้การพัฒนาระดับราคาสูงเกิน 5.000 ล้านบาทขึ้นไปมีอยู่จำนวนเพียง 857 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 17 ของจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายใหม่ทั้งหมดในเดือนนี้ ซึ่งแสดงว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาที่ไม่สูงมากนัก โดยเฉพาะที่กลุ่มระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ปานกลางและต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งในเดือนนี้ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดก็คืออาคารชุด มีมูลค่าการพัฒนามากถึง 7,302 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.3 ของมูลการพัฒนาทั้งหมดในเดือนนี้ รองลงมาคืออสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่เพียงโครงการเดียว ซึ่งเป็นอาคารชุดตากอากาศ แต่มีมูลค่าการพัฒนาโครงการมากถึง 3,946 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 22.9 ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด และอันดับ 3 คือประเภทบ้านเดี่ยวมีมูลค่าการพัฒนาโครงการจำนวน 3,366 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 19.5 ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ยังคงมีแนวโน้มการพัฒนาที่ระดับราคาปานกลางเป็นสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท และประเภทอาคารชุดที่ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับ ผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์เป็นสำคัญมีจำนวน 5 บริษัท คือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 โครงการ, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ, บริษัท วังทอง กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ และ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปที่ไม่ใช่บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง

รายชื่อโครงการได้แก่:
เดอะ เซ็นเตอร์ คอนโดมิเนียม พหลโยธิน
บัณฑิต อินเตอร์ทาวน์ 2 เสมา-ฟ้าคราม
วิสต้าวิลล์ ลำลูกกา (คลอง 3) ลำลูกกา
พฤกษาวิลเลจ 21 ลำลูกกา
ศุภาลัย ปาร์ค แยกติวานนท์ นครอินทร์
ภัทรินทร์ 2 รามอินทรา-หทัยราษฎร์ หทัยราษฎร์
เดอะ คอนเนค 8 บางนา (พลาลี 9) บางนา-ตราด กม.10
The Link Advance สุขุมวิท 50 สุขุมวิท
Quattro สุขุมวิท 55
เบสโอเชี่ยน แอร์พาร์ค พระราม 2 กม.17
บ้านเฟื่องสุข 4 บางบัวทอง กาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันตก)
สราญสิริ ประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ ประชาอุทิศ
พฤกษาวิลล์ 17 (พุทธบูชา 36-พระราม 2) พุทธบูชา
The Lofts Southshore (Tower B) พระตำหนัก ชลบุรี

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Google เศกหน้าเว็บไซต์ให้เป็นเว็บภาษาไทยได้แล้ว

Google ได้พัฒนา Google Translate เพื่อรองรับภาษาไทยแล้ว โดยสามารถแปลจากภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ เป็นภาษาไทย และแปลจากภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ และสามารถแปลได้รูปแบบของข้อความและเว็บไซต์ โดยเข้าเว็บไซต์ http:/www.google.com/translate ซึ่งสามารถใช้แปลข้อความและเว็บไซต์ โดยการป้อนข้อความหรือ URL ของหน้าเว็บที่ต้องการแปล
อย่างเช่นเว็บไซต์ BBC ก็นำ URL ลงในช่องป้อนข้อความ Google ก็จะแปลหน้าเว็บไซต์ให้ทั้งหน้า
หรือไม่เช่นนั้น เข้าไปหน้าเว็บไซต์ Google แล้วเสิร์ชคำว่า BBC หรือชื่อเว็บไซต์ใดที่เป็นภาษาอังกฤษ แล้วลองหาคำว่า “แปลหน้านี้” เมื่อคลิก Google ก็จะโชว์หน้าเว็บไซต์นั้นๆเป็นภาษาไทย
แต่เท่าที่สังเกตดูที่ Google แปลเป็นภาษาไทยนั้น ยังไม่เป็นประโยคอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าใดนัก ซึ่งทำให้เพียงประกอบในการหาศัพท์เท่านั้น ซึ่งคงจะต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษบ้างพอสมควร แต่ก็มีประโยชน์ทำให้ได้รับทราบข่าวสารข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การใช้หลักภาษาไทยกับการทำ SEO โปรโมทเว็บไซต์สร้างเงินล้านฝ่าวิกฤติ

เห็นหัวข้อนี้แล้วหลายคนคงจะคิดว่าเขียนผิดหรือเปล่า น่าจะเป็นคำว่า CEO มากกว่า เพราะก่อนหน้านี้คำว่า CEO ดังมากโดยเฉพาะในยุคที่คนเชื่อทักษิณเป็นนายกฯ ไม่ผิดหรอกครับคำว่า SEO นี้ถูกต้องแล้ว แต่ก็คงมีคนสงสัยอีกต่อไปว่า แล้วมันเกี่ยวข้ออะไรกับการใช้หลักภาษาไทย...เป็นงง
ยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคไซเบอร์คำว่า SEO มีส่วนสำคัญยิ่ง สามารถสร้างความเจริญก้าวหน้า สร้างรายได้ สร้างออเดอร์ คำสั่งซื้อสิ้นค้าเข้ามามากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อโลกประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ ธุรกิจออนไลน์จะได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก ทางตรงกันข้าสามารถสร้างรายได้มหาศาลเช่นกัน และสิ่งที่เป็นตัวเชื่อมต้านธุรกิจออนไลน์นั้นก็คือเว็บไซต์
บริษัทใดทำเว็บไซต์บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า แม้นว่ารูปของเว็บไซต์จะสวยงามเพียงใด หากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆก็จะกลายเป็นเว็บไซต์ร้างในไม่ช้า หรือหากจะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านหรือโปรโมทสื่อต่างๆบ้าง ก็คงจะไม่เข้าถึงลูกค้าเท่าใดนัก ดังนั้น จุดตรงนี้เองที่การทำ SEO จะต้องเข้ามามีส่วนช่วย แต่ความจริงแล้วการทำ SEO จะเข้ามามีส่วนช่วยตั้งแต่เริ่มคิดที่จะสร้างเว็บไซต์เลยทีเดียว เพราะการเริ่มต้นที่ถูกหลัก SEO แล้วย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งที่กล่าวมายืดยาวนี้คงจะไม่เห็นแนวทางเลยใช่หรือไม่ว่า การทำ SEO นี้วิเศษวิโสตรงไหนนะ
การทำ SEO วิเศษตรงที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาข้อมูลจะต้องมีการค้นหาหรือเสิร์ช เอนจิน (search engine) ผ่านเว็บไซต์กูเกิล ที่ครองสถิติการเสิร์ชที่มากที่สุด ถ้าหากลูกค้าเสิร์ชพบข้อมูลบริษัทเราอยู่ในหน้าแรกของเว็บไซต์กูเกิลและอยู่อันดับต้นๆหรืออันดับแรกยิ่งดี โอกาสที่ลูกค้าจะคลิกเข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บไซต์เราก็จะมีสูง ดังนั้นโอกาสที่ลูกค้าจะสั่งซื้อสิ้นค้าก็ย่อมจะมีสูงตามมา เห็นหรือยังว่าการทำ SEO วิเศษตรงนี้นี่เอง
ความดีของการทำ SEO ไม่ใช่มีเพียงการเข้าไปหาข้อมูลของลูกค้าหรือผู้ต้องการหาข้อมูลเท่านั้น เจ้าของเว็บไซต์เองยังมีโอกาสที่จะมีรายได้จากการนำโฆษณาของกูเกิลมาติดไว้ เมื่อลูกค้าหรือผู้ต้องการหาข้อมูลเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราและมีการคลิกเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลิ้งค์ของเป็นข้อความหรือฝ้ายโฆษณาของกูเกิล ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของเนื้อหาของโฆษณานั้น
โฆษณาของกูเกิลดังกล่าวหรือเรียกว่า กูเกิลแอดเซนส์ เพราะตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2551 ที่ผ่านมาจะเห็น โฆษณาของกูเกิลที่เรียกว่า กูเกิลแอดเซนส์ นี้แปะตามเว็บไซต์ต่างๆมากมายเฉพาะอย่างเช่นเว็บไซต์
http://www.mhanation.net ก็ได้นำมาแปะเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ต้องมีการศึกษาอยู่พอสมควร
เมื่อการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของเราดีอย่างนี้แล้ววิธีการทำ SEO เป็นอย่างไร ก็ไม่ยาก ถ้ามีเงินหน่อยก็จ้างคนที่เขาทำ SEO มาทำให้กับเว็บไซต์ของเรา แต่จากการสำรวจขั้นต่ำก็ 5 พันบาทมากถึงหลักแสนหลักล้านขึ้นอยู่กับความยากและคู่แข่งหรือจะปรึกษาผู้เขียนก็ได้นะ...อิอิที่
http://www.mhanation.net
แต่หากไม่ต้องการจะเสียเงินขนาดนั้นก็ต้องเรียนและก็ทำเอง อย่างเว็บไซต์http://www.mhanation.net ของผู้เขียนนี้ ก็เรียนเองทำเองจ่ายค่าโดเมนแต่โฮติ้งยิงเป็น ของฟรี อยู่ซึ่งก็ไม่ตรงกับการทำ SEO เพราะการทำ SEO ไม่ค่อยชอบของฟรี ชอบของส่วนตัวมากกว่าหากคิดจะเรียนเองทำเองก็ไม่ยากเข้าไปหาข้อมูลในกูเกิลแล้วพิมพ์คำว่า SEO ก็คงเป็นแนวทางทำได้
เริ่มจาก อันดับแรก เลยก็คือเราจะต้องมีข้อมูลหรือสินค้าที่คิดว่าจะสามารถแข่งขันกับคนหรือเขาได้ เพื่อที่จะเป็นข้อมูลในการทำเว็บ
อันดับที่สองก็คือการตั้งชื่อเว็บหรือการจดชื่อโดเมน ก็จะต้องให้สอดคล้องกับตัวสินค้าและเป็นที่น่าสนใจ ต่อจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการหาที่จดโดเมนและโฮสติ้งตรงนี้และที่บอกว่าไม่ควรจะใช้ของฟรีเพราะจะมีเงื่อนไขยุ่งยากมากมายสู้จ่ายเงินเป็นของตัวเองเลยจะดีกว่าเบื้องต้องก็คงไม่มากประมาณ 2 พันบาท
อันดับที่สามก็คือการทำเว็บไซต์ก็มีสองทางก็คือทำเองหรือจ้างเขาทำ ซึ่งก็อย่างที่บอกหน้าตาเว็บไซต์ไม่ต้องวิจิตรอะไรมากเอาเพียงพื้นๆก็พอ เพราะ เสิร์ช เอนจิน ของกูเกิลชอบเพียงเรียบง่ายหรือไม่ต้องมีดีไซน์ซับซ้อนหรือมีกราฟฟิคอะไรมาก แต่ต้องให้สอดคล้องกับการทำ SEO
เริ่มตั้งแต่โครงสร้างเว็บและข้อมูลภายในเว็บ โครงสร้างเว็บนั้นจะเกี่ยวข้องกับเทคนิคการเขียนเว็บ การตั้งชื่อไฟล์ข้อมูลทั้งเรื่องและภาพ ส่วนข้อมูลภายในเว็บนั้นความรู้เกี่ยวกับการหาคีย์เวิร์ดหรือคำทองเข้ามาประกอบในเนื้อหาของข้อมูลที่จะทำให้คนเสิร์ชค้นหาเข้ามาที่เว็บเรามากที่สุดจุดตรงนี้ก็ต้องศึกษาและทดลองทำพอสมควร
อันดันที่สี่ คือการโปรโมทประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักเข้ามาชมเว็บไซต์เรา ซึ่งตรงนี้นี่เองการทำ SEO จะเข้ามามีส่วนอย่างมาก เมื่อเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดหรือคำทองอยู่แล้วถ้าไม่ทำ SEO ก็อาจจะไม่ติดอันดับในหน้าเว็บกูเกิลก็เป็นได้ จะต้องทำมากกว่านี้ นอกจากการแลกลิ้งค์ ฝากลิ้งค์ และสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำก็คือการทำแอดเวิร์ด ตรงนี้เองจะต้องมีการจ่ายเงินให้กับกูเกิลบ้าง เพราะของทุกอย่างไม่มีได้มาฟรีๆหากต้องการผลเลิศ ก็ต้องไปศึกษาอีกว่าการทำ แอดเวิร์ด อย่างไร
เท่านี้ก็คงจะเป็นแนวทางได้ว่าการทำ SEO ดีอย่างไร หากต้องการจะมีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น
สมัครด่วนที่งาน Thailand eBusiness Summit วันเสาร์ที่ 21 ก.พ.นี้ ตามลิ้งค์
แล้วทีนี้หลักภาษาไทยมีส่วนสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO จะเห็นได้ว่าการทำ SEO นั้นการเสิร์ช ค้นหาคำหรือคีย์เวิร์ดที่จะเป็นแรงจูงใจหรือเป็นคำนิยมเสิร์ชค้นหานั้นมากที่สุดคือคำอะไร จุดตรงนี้นี่เองจะต้องนำหลักภาษาไทยเข้ามาจับ แน่นอนแม้นว่า กูเกิล จะมีเครื่องมีในการหาคีย์เวิร์ดที่คนนิยมนิยมเสิร์ชค้นหาให้แล้วก็ตาม แต่คนที่สร้างข้อมูลมีความรู้ในหลักภาษาไทยด้วยแล้วก็จะมีส่วนช่วยอีกทางหนึ่ง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หลักภาษาไทยนั้นมีส่วนสำคัญยิงในการทำ SEO เชื่อแน่ว่าครูภาษาไทยหากมีความรู้เกี่ยวกับการทำ SEO ประโยชน์ของการทำ SEO เข้ามาประยุกต์ในบทการเรียนการสอนภาษาไทย ก็จะทำให้ชั่วโมงการเรียนการสอนภาษาไทยไม่น่าเบื่ออย่างแน่นอน
คงจะทำให้นักเรียนนักศึกษามองเห็นช่องทางและคุณค่าของหลักภาษาไทยมากขึ้นเลยทีเดียว ต่อไปนี้คงจะไม่มองเห็นประโยชน์ของหลักภาษาไทยเพียงแค่การเขียนจดหมาย อีเมลล์ เขียนบทความ แต่งเพลงหรือบทละคร เพราะต่อไปนี้นักเรียนนักศึกษาหรือบุคคลทั่วไปไม่คิดเพียงแค่จะศึกษาอ่านข้อมูลหรือผลงานของคนอื่นเท่านั้น ทำให้เกิดแนวความคิดที่จะสร้างผลงานของตัวเองขึ้นมาแล้วสร้างมูลค่าและราคาของผลงานนั้นแปรสภาพให้เป็นเงินหรือเสียกว่าการขายตัวผ่านทางเว็บไซต์ hi5 เสียอีก โดยนำหลักภาษาไทยออกมากลั่นให้เป็นคีย์เวิร์ดหรือคำทอง กระจายออกไปในโลกไซเบอร์ผ่านทางเว็บไซต์หรือบล็อก
จะเห็นได้ว่า กูเกิลที่มีอิทธิพลและสร้างธุรกิจเว็บไซต์เสิร์ช เอนจิน ก็เพราะการนำคีย์เวิร์ดหรือคำทองมาเป็นกระบวนการในการสร้างธุรกิจผ่านทาง กูเกิลแอดเซนส์ และ แอดเวิร์ด เป็นต้น สร้างมูลค่าเพิ่มในโลกธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง และมีมูลค่าทางธุรกิจมากว่าคนที่ขายหุ้น 7.2 หมื่นล้านบาท โดยไม่เสียภาษีให้กับรัฐแม้นแต่บาทเดียวเสียวอีก

http://www.mhanation.net รายงาน

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คลิปแมนฯยูชนะเวสแฮม1-0 กิ๊กยิงนาทีที่ 62

ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด กลับขึ้นมานำจ่าฝูงศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษอีกครั้ง หลังจากบุกไปชนะ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม 1-0 กิ๊กยิงนาทีที่ 62 มี (คลิป) ให้ดู ขณะที่สเปอร์เสมออาเซนอล 0-0 คืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หงส์พลิกชนะปอมปีย์3-2ตอร์เรสฮีโร่

หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี เมื่อบุกชนะ "ปอมปีย์" ปอร์ทสมัธ ในคืนที่ผ่านมา 3-2 โดย ตอร์เรส ประตูที่ 3 ได้ในนาทีที่ 91 ดู คลิป

ส่วนคู่อื่นๆมีผลดังนี้
Manchester C. 1 - 0 Middlesbrough

Blackburn R. 0 - 2 Aston Villa

Chelsea 0 - 0 Hull C.

Everton 3 - 0 Bolton W.

Sunderland 2 - 0 Stoke C.

West Bromwich A. 2 - 3 Newcastle U.

Wigan Athletic 0 - 0 Fulham

สมัครด่วนงาน Thailand eBusiness Summit

เริ่มเปิดสมัครเข้าร่วมงาน งาน Thailan d eBusiness Summit แล้ว ซึ่งเป็นงานสำหรับนักธุรกิจออนไลน์ทุกคน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำ Affiliate การทำ SEO การทำ Hotel Affiliate Program และ การทำ Google AdSense ในวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 08.45 - 17.00 น. ครับ ที่ ณ ห้องบัวหลวง ชั้น30 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม
มี 2 ภาค โดยภาคเช้าสมัครที่ http://www.bangkokbank.com/Bangkok+Bank+Thai/Personal+Banking/Whats+new/eBusiness_Summit+II.htm ส่วนภาคบ่ายสมัครที่ http://www.infogination.com/course/thailand-ebusiness-summit-ii-ebusiness-trend-2009

สนใจก็เข้าไปสมัครตามลิงค์ดังกล่าว

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ต่างชาติกับที่ดินไทย: ไม่ใช่ตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ

เรามักมีความคิดที่จะให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ซื้อห้องชุด 100% หรือให้เช่าที่ดิน 99 ปีไปเลย นัยว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ นี่เป็นข้อคิดที่เป็นจริงหรือไม่เพียงใด เราลองมาตรองดู
แต่อันที่จริง การที่มีต่างชาติมาลงทุนซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นในบ้านเรา ถึงแม้จะเป็นการเก็งกำไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ประเทศเรามีอนาคต มีสิ่งดีที่พวกเขาสนใจมาลงทุน ไม่เช่นนั้นคงไม่มา แต่เราควรให้ต่างชาติมาลงทุนในกรณีนี้หรือไม่ นี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ประสบการณ์ต่างประเทศ
ผมได้ส่ง email ไปสอบถามผู้รู้ซึ่งเป็นเพื่อนผมในประเทศต่าง ๆ โดยเริ่มต้นที่ประเทศพี่เบิ้มคือ สหรัฐอเมริกา นายซิรินซิออน (Mr.John Cirincione) <3> ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินให้กับกิจการของรัฐ กล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกาแทบไม่มีข้อจำกัดในการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยคนต่างชาติ มีชาวญี่ปุ่น ยุโรป ตะวันออกกลาง และอื่น ๆ ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์กันมากมายในประเทศนี้ ถึงขนาดมีการตั้งสมาคมนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ( www.afire.org ) ด้วยซ้ำ
.
ที่ แคนาดา ก็คล้ายคลึงกัน โดย นายลอ (Mr.Kenneth Lau) <4> ผู้บริหารประจำภูมิภาคของสำนักงานประเมินค่าทรัพย์สินของรัฐ ให้ข้อมูลว่าชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ เพียงแต่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย นอกจากนี้ยังสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
.
สำหรับใน ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน ศ.คูเปอร์ (Prof.John M. Cooper) <5> อดีตผู้เชี่ยวชาญที่มาประจำการในไทยถึง 5 ปี กล่าวว่า ออสเตรเลียก็ไม่มีข้อจำกัดในการครอบครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์โดยคนต่างชาติ (ยกเว้นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์) แต่สำหรับทรัพย์สินที่มีราคาสูงเป็นพิเศษ ผู้ซื้อต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างชาติ (www.firb.gov.auj) ซึ่งโดยมาก 99% มักได้รับอนุมัติ
.
ในประเทศ อังกฤษ นายแซนเดอร์สัน (Mr.Paul Sanderson) <6> ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานกลางประเมินค่าทรัพย์สิน ก็กล่าวว่าอังกฤษไม่มีข้อจำกัดใด แต่ต้องดำเนินการซื้อ / ขายอย่างโปร่งใสตามพิธีการ เพื่อป้องกันการฟอกเงิน หรือกิจกรรมอื่นที่เข้าข่ายอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
.
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านที่ทันสมัยอย่าง สิงคโปร์ นั้น นายฟู่ (Mr.Jeffrey Foo) <7> อดีตนายกสมาคมตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ ส่วนกรณีที่ดิน ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล และซื้อได้ในขนาดไม่เกิน 348 ตรว . ยกเว้นที่เกาะเซ็นโตซ่า ที่มีการถมทะเลมาจัดสรรที่ดินเป็นรีสอร์ทหรู ชาวต่างชาติสามารถซื้อที่ดินได้ในขนาดใหญ่กว่านี้
.
ส่วนประเทศ เวียตนาม ซึ่งเป็นรัฐสังคมนิยม นายทวน (Mr.Ngoc-Tuan Dao, ชาวเวียตนามนิยมให้เรียกชื่อหลังของชื่อตัว ) <8> นักกฎหมายและรองผู้อำนวยการฝายฝึกอบรมของรัฐวิสาหกิจประเมินค่าทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดในเวียตนามกล่าวว่า ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อที่ดิน แต่สามารถเช่าที่ดินได้ในโครงการพัฒนาที่ดินที่ทางราชการกำหนด
.
ในราชอาณาจักร กัมพูชา นายนง (Mr.Nong Piseth) <9> ผู้อำนวยการกองประจำกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ชาวต่างชาติไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา แต่สามารถเช่าได้ในระยะเวลา 70 ปี (ต่ออายุได้อีก หากเจ้าของยินยม) นอกจากนี้ยังไม่จำกัดในการนำเงินเข้าออกประเทศอีกด้วย
.
.
ประมวลภาพรวมในต่างประเทศ
จะเห็นได้ว่าประเทศขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไม่ห่วงการลงทุนต่างชาติในประเทศตน อย่างกรณีสหรัฐอเมริกา มีขนาดที่ดินใหญ่กว่าไทยถึง 18 เท่า มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าไทยถึง 22 เท่า <10> จะไปกลัวนักลงทุนต่างชาติทำไม ก็คงคล้าย ๆ กรณีไทยกับลาว เราคงไม่กลัวเศรษฐีลาวมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ถ้าไม่ใช่ประเด็นการเมือง นักลงทุนลาวมาซื้อเท่าไหร่ ไทยก็ไม่สะเทือน ส่วนกรณีอังกฤษก็คล้ายกับประเทศอุตสาหกรรมอื่น แม้เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่ทรัพย์สินราคาแพงระยับ เศรษฐีต่างชาติคงไม่มีสิทธิกลืนประเทศอังกฤษเป็นแน่แท้
.
สำหรับประเทศในแถบนี้คือสิงคโปร์นั้น เขาให้ซื้อแต่อาคารชุดพักอาศัยและพาณิชยกรรม ส่วนที่ดินก็แทบจะถือว่าไม่ให้ซื้อก็ว่าได้ และราคาที่ดินเช่นที่เกาะเซ็นโตซ่าก็ตกตารางวาละถึง 410,000 บาท <11> ส่วนประเทศเวียตนามและกัมพูชาที่ล้าหลังกว่าไทย ก็ยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่ต่างชาติก็แห่กันไปลงทุนโดยไม่ยี่หระใดๆ
.
.
ไม่ต้องล่อด้วยกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ผมจำได้ว่าสมัยก่อนเกิดวิกฤติปี 2540 สิงคโปร์อนุญาตให้คนต่างชาติซื้อห้องชุดได้ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ชั้นล่าง ๆ ห้ามซื้อ (สงสัยกลัวถูกยกไปทั้งแท่ง .. ฮา) แต่พอเกิดวิกฤติ ก็ให้ซื้อได้หมด เพื่อหวังจูงใจให้มาลงทุน (ขอให้มาเถอะ จะอดตายอยู่แล้ว) ประเทศทุนนิยมทุกประเทศในภาคพื้นเอเซียอาคเนย์ทั้งไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ต่างผ่อนคลายกฎหมายให้ต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดได้ และสามารถซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยได้ โปรดดูรายละเอียดจากกรมที่ดิน <12>
.
แต่ในยามภาวะเศรษฐกิจตกต่ำปี 2540-2543 แทบไม่มีต่างชาติรายใดมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2542-5 มีต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง 5,465 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2% ของอาคารชุดทั้งหมดในเขตดังกล่าว <13> จนสุดท้ายเมื่อปี 2547 จึงยกเลิกให้ต่างชาติซื้อห้องชุด 100% เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีคนต่างชาติซื้อ <14> ยกเว้นที่ซื้อในราคาถูก ๆ แบบ " ขายยกเข่ง " อย่างกรณี ปรส. เท่านั้น และที่ต่างชาติไม่มาซื้อก็เพราะว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ซื้อไปราคาก็ไม่ขึ้น ( แถมอาจตกต่ำลงเสียอีก ) ผิดกับช่วงก่อนหน้านั้น ราคาขึ้นเร็วกว่าเงินฝากเสียอีก จึงทำให้ต่างชาติมาซื้อบ้าน ที่ดิน และห้องชุดเก็งกำไรกันมากมาย ( อย่างผิดกฎหมาย – ผ่านคนรู้จัก ) ทั้งที่ช่วงนั้นไทยไม่ได้ยอมให้ต่างชาติซื้อแต่อย่างใด
.
ในทางตรงกันข้าม ประเทศสังคมนิยม เช่น จีน เวียตนามและกัมพูชา เขาไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ ให้แต่เช่าระยะยาว แต่ก็มีต่างชาติไปลงทุนประเทศเหล่านั้นก้นมหาศาล นี่แสดงชัดเจนว่า การ " ล่อ " ด้วยการถือครองที่ดิน ไม่ใช่ประเด็นเสียแล้ว แนวคิดการให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ จึงควรทบทวน
.
.
อย่าเข้าใจผิด
มีบางคนบอกว่า นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติลงทุนในยุโรปตะวันออกมหาศาลกว่าการซื้อขายภายในประเทศเสียอีก อันนี้เป็นความเข้าใจผิด หลักพื้นฐานของอสังหาริมทรัพย์ (real estate) ก็คือ อสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องของการใช้สอยภายในประเทศเป็นสำคัญ นักลงทุนต่างชาติเขาแค่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่โดดเด่น (prime) เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นส่วนน้อย อสังหาริมทรัพย์หลักในประเทศส่วนใหญ่คือที่อยู่อาศัยถึง 90%
.
ยกตัวอย่างกรณีประเทศไทย มีบ้านทั้งหมดประมาณ 20,089,221 หน่วย <15> หากบ้านหน่วยหนี่งมีราคาเฉลี่ย 815,789 บาท <16> มูลค่าที่อยู่อาศัยในประเทศจะมีสูงถึง 16,389 พันล้านบาท หรือสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ณ ราคาตลาด ปี 2550 ซึ่งมีมูลค่า 8,493 พันล้านบาท <17> ถึง 2 เท่า ขณะที่มูลค่าการลงทุนของต่างชาติโดยรวมตามการส่งเสริมการลงทุนในปี 2551 มีมูลค่าเพียง 746.667 พันล้านบาท <18> หรือ 4.6% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเท่านั้น)
.
ยิ่งกว่านั้นหากพิจารณาว่าการลงทุนของต่างชาตินั้นแม้จะประกอบไปด้วยเครื่องจักร บุคลากร เงิน และอสังหาริมทรัพย์ แต่เชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน โรงงานหรือสถานประกอบการ) เป็นเพียงปัจจัยการผลิตไม่ถึง 10% ของการลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่ที่มาลงทุนด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วไป นอกจากนี้ช่วงชีวิตของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ มีอายุประมาณ 5-20 ปี เป็นสำคัญ จึงไม่จำเป็นต้องถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
.
.
ส่งเสริมการลงทุนต่างชาติให้ถูกทาง
ความจริงประเทศไทยเติบโตและมั่งคั่งจนถึงวันนี้ได้ ก็เพราะการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment, FDI) โดยแท้ โดยเฉพาะการลงทุนของญี่ปุ่นภายหลังข้อตกลง Plaza Accord <19> ในปี 2528 ที่ประเทศยักษ์ใหญ่ตกลงร่วมกันแทรกแซงค่าเงินสหรัฐอเมริกาให้อ่อนค่าลงและทำให้ค่าเงินเยนแช็งขึ้น ญี่ปุ่นก็ไม่อาจส่งสินค้าไปขายในสหรัฐอเมริกาได้สะดวก จึงทำให้เกิดการลงทุนของญี่ปุ่นไปทั่วเอเซียทางด้านอุตสาหกรรมเพื่อส่งไปขายยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาแทนการผลิตในญี่ปุ่นเอง และทำให้ญี่ปุ่นสามารถไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก เพราะค่าเงินแข็งขึ้นจาก 240 เยนต่อดอลลาร์เป็นประมาณ 120 เยนภายในเวลา 2 ปี
.
อย่างไรก็ตาม FDI ควรจะมุ่งเน้นในด้าน การลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งหลายเพื่อการส่งออก โดยเราไทยอาจให้ใช้ที่ดินฟรีหรือเช่าที่ดินในราคาต่ำเพื่อจูงใจให้มาลงทุนด้วยซ้ำไป โดยหวังผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังควรให้มาลงทุนในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (mega-projects) โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค
.
ส่วนการลงทุนด้านพัฒนาที่ดินไม่จำเป็นต้องส่งเสริม ถือเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สามารถทำได้โดยเฉพาะในการซื้ออาคารชุดพักอาศัย เพราะหากประเทศไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ต่างชาติก็ย่อมจะมาซื้อทรัพย์สินเอง ส่วนการทำตัวเป็นนักพัฒนาที่ดินโดยนักลงทุนต่างชาติก็สามารถทำได้ การแข่งขันกับนายทุนไทยจึงอาจเกิดขึ้น อาจมีเสียงไม่พอใจจากนายทุนไทยบ้าง แต่ก็คงต้องปล่อยไปเพราะการแข่งขันจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ และรัฐบาลพึงยึดผลประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพียงแต่รัฐบาลต้องควบคุมไม่ให้เกิดการครอบงำตลาดหรือกรณีฉ้อฉลอื่น
.
.
ที่ดินไม่จำเป็นต้องขายต่างชาติ
ในความเป็นจริงแล้วที่ดินไทย ไม่จำเป็นต้องขายใคร ไม่ผิดกติกาสากล เพราะนักลงทุนต่างชาติมีลู่ทางอื่นมากมายในการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูง ถอนทุนง่าย เร็ว และซับซ้อนน้อยกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์เสียอีก เช่น การซื้อหุ้น พันธบัตร การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ในการเจรจา FTA ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดให้ใครในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและที่ดินอยู่แล้ว
.
การที่ต่างชาติมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด เป็นเพียงการทำธุรกิจของกลุ่มนายหน้าข้ามชาติหรือเจ้าของที่ดินหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่หาผลประโยชน์จากการนี้มากกว่า ตัวอย่างหนึ่งก็คือ ในปัจจุบันมีกรณีที่ชาวต่างชาติมา " ยึด " ที่ดินในพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งภูเก็ตและสมุย กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะการฉ้อฉลร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรเร่งดำเนินการแก้ไขก่อนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่โตในอนาคต
.
ลองตรองให้รอบด้านนะครับ

ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย

เอนฟาฯจัดทริปมหัศจรรย์พัฒนาการลูกน้อยสู่อัจฉริยะ

เอนฟา สมาร์ท คลับ คลับเพื่อยอดคุณแม่และอัจฉริยะตัวน้อย จัดกิจกรรมสัมมนามหัศจรรย์แห่งพัฒนาการ ครั้งที่ 4 ภายใต้ชื่องาน Enfa A+ Miracle Trip การเดินทางสู่งานสัมมนามหัศจรรย์แห่งพัฒนาการ A+ เพื่อการพัฒนาลูกน้อยสู่ความเป็นอัจฉริยะ โดยในการเสวนาครั้งนี้ เอนฟา สมาร์ท คลับ นำสมาชิกครอบครัวอัจฉริยะจำนวน 30 ครอบครัว มุ่งหน้าสู่หัวหิน เพื่อเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ “เอนฟา รหัสอัจฉริยะ พัฒนาลูกน้อยสู่ความเป็นอัจฉริยะ”
สำหรับการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่และอัจฉริยะตัวน้อยจะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ของลูกน้อย ผ่านกิจกรรมที่จะช่วยสร้างให้ลูกเป็นอัจฉริยภาพที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในช่วง 1,365 วันแรกหรือ 3 ขวบปีแรก ซึ่งถือเป็นโอกาสเดียวของชีวิตที่สมองของลูกน้อยจะมีพัฒนาการสูงสุด จึงเป็นโอกาสเดียวที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพสมองอย่างเต็มระบบด้วย “เอนฟา รหัสอัจฉริยะ” ซึ่งประกอบไปด้วย Smart Nutrition คุณค่าอาหารเพื่อการพัฒนาสมองและกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมได้แก่ Smart Symphonies เสียงดนตรี สื่อดีๆ เพิ่มไอคิว, Smart Play เล่นดี สมองดี มีศักยภาพ และ Smart Language พูดคุยสื่อภาษา พัฒนาการเรียนรู้
โดยมีวิทยากรคนเก่งร่วมเสวนาให้ความรู้ อาทิ พญ.ชนิกา ตู้จินดา ที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และ อาจารย์ธิดา พิทักษ์สินสุข อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตพัฒนา ทั้งสองท่านได้ให้แนวทางกับคุณพ่อคุณแม่ที่ร่วมฟังการเสวนาว่า...
“สมองของเด็กในช่วงเวลา 1,365 วันแรก หรือ 3 ขวบปีแรก ถือเป็นนาทีทองของการพัฒนาสมองต้นทุนสมองลูกได้มาจากพ่อแม่คือ DHA หรือพันธุกรรม เมื่อได้ต้นทุนที่ดีมาแล้วต้องทำให้ดียิ่งขึ้น เพราะเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมที่จะพัฒนาเป็นอัจฉริยะได้ ปิกัสโซ่กล่าวไว้ว่าเด็กทุกคนพร้อมที่จะเป็นศิลปินได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่ดีของพ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถต่อยอดพัฒนาให้ลูกน้อยเป็นอัจฉริยะในอนาคต โดยเริ่มตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ(Smart Nutrition) เพราะลูกต้องการสารอาหารไปสร้างเซลล์สมอง เพราะสมองถือเป็นแม่ทัพของการควบคุมการทำงานของร่างกาย เด็กไทยในยุคใหม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ลดน้อยลงส่วนใหญ่อาหารที่เด็กๆ ชอบรับประทานในปัจจุบันจะเน้นแป้ง น้ำตาล และอาหารทอดกรอบ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ และทำให้พัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองเติบโตไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องสร้างวินัยในการรับประทานให้กับลูกโดยเฉพาะเด็กในช่วงวัย 1 - 3 ปี ซึ่งในวัยนี้จะเป็นวัยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกโภชนาการที่ดีให้กับลูก และสามารถสร้างนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหารให้กับ
ลูกได้ อาทิเช่น การฝึกให้ลูกรับประทานผักต่างๆ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเริ่มต้นรับประทานผักให้ดูเป็นแบบอย่าง จากนั้นก็ค่อยๆ ฝึกให้เขาหัดรับประทานผักด้วยการผสมในอาหารที่เขาชอบทีละน้อยๆ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่เข้มงวด ไม่จุกจิกกับการรับประทานอาหารของลูก ต้องค่อยๆ บอกและสอนเขาระหว่างรับประทานอาหารคุณพ่อคุณแม่อาจจะเล่านิทานไปด้วยหรือถ้าลูกสามารถรับประทานผักก็ต้องชื่นชมเขา เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกภูมิใจและอยากจะรับประทานผักต่อไปเรื่อยๆ เพราะเด็กในวัยนี้สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยการกินได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้ลูกติดจนเป็นนิสัย
ประการที่สองคือการพักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอ การนอนที่ดีคือการนอนหลับให้สนิท เพราะจะทำให้เซลส์สมองของลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกน้อยฉลาดไม่ควรให้ลูกนอนดึก และระหว่างที่ลูกนอนหลับก็ไม่ควรที่จะให้ลูกต้องตื่นมาบ่อยๆ เพราะถ้าลูกตื่นเป็นระยะฮอร์โมนจะหลั่งออกมาไม่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกหลับให้สนิทนานเพราะการนอนหลับเพียง 90 นาที พบว่า Growth Hormone หลั่งออกมามากซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ลูกเติบโตและช่วยเพิ่มเซลล์สมอง
ประการที่สามคือ ต้องให้ลูกดื่มน้ำเยอะๆ เพราะสัดส่วนของร่างกายร้อยละ 70 คือ น้ำ สมองลอยอยู่ในน้ำ หล่อเลี้ยงด้วยน้ำ และ ประการสุดท้ายคือการออกกำลังกาย คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกาย เพราะนอกจากจะทำให้ลูกได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดต่างๆ แล้ว สมองก็จะพัฒนาตามไปด้วย สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณพ่อคุณแม่ เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นเสมือนกระจกเงาของลูกๆ พฤติกรรมต่างๆ ที่เด็กๆ ลอกเลียนแบบ จดจำเรียนรู้ก็ล้วนมาจากคุณพ่อคุณแม่ ถ้าอยากรู้ว่าลูกเป็นอย่างไรก็ให้มองที่ตัวเอง ดังนั้นถ้าต้องการให้ลูกจดจำและเรียนรู้สิ่งดีๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นเซลส์กระจกเงาที่ดี เลี้ยงลูกด้วยความอ่อนโยน เขาก็จะมีจิตใจที่อ่อนโยนด้วยเช่นกัน
นอกจากเรื่องของโภชนาการที่ดี คุณหมอชนิกาและอาจารย์ธิดายังเสริมถึงกลวิธีที่จะสร้างให้ลูกน้อยในช่วงมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของสมองลูกน้อยให้มีความสามารถทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาด้วยเสียงดนตรี (Smart Symphonies) ลูกน้อยจะสามารถได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ในท้องได้ 5 เดือน หากคุณแม่ที่ร้องเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เขาจะคุ้นเคยกับเสียงเพลงที่ได้ฟังและพอเขางอแงร้องไห้แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงดนตรีที่คุ้นเคยเขาก็จะหยุดและยิ้ม จะเห็นว่าลูกมีความมหัศจรรย์มากกับการเรียนรู้ ลูกเรียนรู้ได้เร็ว สังเกตได้ดี พ่อแม่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูก ผลวิจัยชี้ชัดว่าการที่ให้เด็กได้ฟังดนตรี โดยเฉพาะดนตรีซิมโฟนี่จะทำให้สมองของเด็กสามารถจดจำและทำข้อสอบได้ดีกว่าเด็กที่ฟังดนตรีร็อก ดนตรีจึงช่วยสร้างสุนทรียะได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกรักในเสียงดนตรี คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะเป็นนักดนตรีและร้องเพลงกับลูกๆได้ เป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวอีกด้วย
เรื่องการเล่นก็สำคัญ (Smart Play) ว่ากันว่าจินตนาการสำคัญยิ่งกว่าความรู้ การเล่นจะทำให้เด็กเกิดจินตนาการ เด็กๆที่ได้เล่นอย่างมีความสุขจะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าบทบาทในชีวิตประจำวันของเด็กๆ คือการเล่น เช่นเดียวกับบทบาทหนึ่งในชีวิตประจำของคุณพ่อคุณแม่ก็คือการทำงาน การเล่นที่มีความสุขไม่จำเป็นต้องเล่นของเล่นที่มีราคาแพง เด็กๆ จะมีความสุขจากการเล่นเมื่อเวลาที่มีเพื่อนเล่น และเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดก็คือคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่ควรจะแบ่งเวลามาเล่นกับลูก เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้ทุกเรื่อง แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้วิธีที่จะสอนและควรทำทุกเรื่องที่สอนให้เป็นเรื่องสนุก เพราะเด็กๆ จะเรียนรู้ผ่านการเล่น ดังนั้นอย่าเลี้ยงลูกด้วยทีวี โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรให้เด็กดูทีวีเลย เนื่องจากเด็กที่นั่งอยู่กับทีวีนานๆ จะทำให้เขาไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีพฤติกรรมเฉื่อยชา เพราะเวลาเด็กดูทีวีจะเหมือนถูกสะกดจิต หรือเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเด็กไฮเปอร์ สมาธิสั้น และทีวียังเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กสายตาผิดปกติได้
คุณหมอชนิกาและอาจารย์ธิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่ผู้ร่วมเสวนาว่า รหัสอัจฉริยะตัวสุดท้าย คือ Smart Language ปกติเด็กจะเริ่มส่งเสียงเมื่ออายุ 7-8 เดือน พออายุ 1 ปี ก็จะเริ่มพูดยิ่งพอเด็กเริ่มหัดเดินเมื่อมีอายุ 2-3 ปี เขาก็จะยิ่งพูดได้มากขึ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับลูกบ่อยๆ เพราะจะทำให้ลูกมีไอคิวที่ดี คำพูดของลูกก็จะแสดงถึงศักยภาพสมองของลูกอย่างชัดเจน
นอกจากภาษาพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องไวกับการทำความเข้าใจเรียนรู้ภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาพูด นั่นคือภาษาท่าทางของลูก เพราะเป็นเรื่องสำคัญสุดของการสื่อสาร คุณพ่อคุณแม่ต้องช่างสังเกตพฤติกรรมของลูก การพูดคุย การกอด การจับมือ การพยักหน้า การสัมผัส จะทำให้ลูกเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่สื่อสาร ขณะเดียวกันพ่อแม่เองก็เข้าใจในอารมณ์และความรู้สึกของลูกด้วย คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกที่จะพูดถึงความรู้สึกที่จะทำให้เกิดการสื่อสารกันในเชิงหมู่ภายในครอบครัว ซึ่งการที่พ่อแม่และลูกสามารถทำความเข้าใจกันได้ทั้งภาษาพูดและภาษากายก็จะลดปัญหาการทะเลาะ การปะทะ การไม่เข้าใจกันที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อเขาโตขึ้นนั่นเอง
นอกจากเสวนาที่ให้แนวทางที่จะช่วยพัฒนาลูกน้อยสู่ความเป็นอัจฉริยะกับกิจกรรม “Enfa A+ Miracle Trip” ทริปสำหรับครอบครัวอัจฉริยะ A+ แล้วยังมีกิจกรรม Smart Symphonies for Smart Brain โดย ดร.ดนีญา อุทัยสุข อาจารย์ประจำสาขาวิชาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นวิทยากรให้ความรู้และเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ผู้ร่วมเสวนาได้สนุกสนานกับการร้องเพลงและทำท่าทางประกอบน่ารักๆ ร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมนี้จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยทั้งซีกซ้าย และซีกขวา ทำให้สมองของลูกน้อยผ่อนคลาย พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่ เอนฟา สมาร์ท คลับ คลับเพื่อยอดคุณแม่และอัจฉริยะตัวน้อย จัดขึ้นเพื่อมอบสิทธิประโยชน์และสาระด้านพัฒนาการเพื่อคุณพ่อคุณแม่และอัจฉริยะตัวน้อยนั้นเอง สำหรับครอบครัวไหนที่พลาดโอกาสในการร่วมกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่โทร. 0-2351-8080 หรือ http://www.enfababy.com/
Google