วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

จูจีฮุนพระเอกหนุ่มเจ้าหญิงวุ่นวายฯพันยาเสพติด

ตะลึง!! พระเอกหนุ่มจากซีรีย์สดังเรื่อง"เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา" "จู จี ฮุน" พัวพันคดียาเสพติด หลังจากตำรวจเกาหลีใต้ออกหมายจับนักแสดงหญิงชื่อดัง "ยุน ซอล ฮุย" และนายแบบชื่อดัง "เยห์ ฮัค ยัง" เจ้าตัวยอมรับ "ใช้สารเสพติดจริง" ข้อมูลระบุเริ่มเข้าไปพัวพันกับนักค้ายาเสพติดทั้งสองเมื่อช่วงเดือนมีนาคมปี 2551

เว็บไซต์ข่าวภาษาอังกฤษ ไชน่า ดอท โออาร์จี ของจีน รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาตำรวจเกาหลีใต้ได้ออกหมายจับนักแสดงหญิงชื่อดัง ยุน ซอล ฮุย วัย 28 ปี และนายแบบชื่อดังเยห์ ฮัค ยัง วัย 26 ปี ในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดจากญี่ปุ่นเข้าประเทศ และในจำนวนผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นลูกค้าของทั้งสองคน ได้รวมถึงนักแสดงหนุ่มชื่อดัง จู จี ฮุน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในบทของชายชิน ในละครโทรทัศน์ยอดฮิตเรื่อง "กุง" หรือชื่อภาษาไทยว่า " เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา " และภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ เน็ค คิทเช่น"

จู จี ฮุน ถูกซัดทอดจนต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ และข่าวล่าสุด เขาได้ยอมรับสารภาพว่า ใช้สารเสพติดจริง และจากการเปิดเผยของตำรวจ ดาราสาวยุน ซอล ฮุย มีรายได้จากการลักลอบค้ายาเสพติด เช่น ยาอี (ecstasy) และยาเค (ketamine) ประมาณ 1 ล้านวอน หรือประมาณ 2 หมื่น 6 พันบาท มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2550 รายงานระบุด้วยว่า เธอลักลอบขนยาเสพติดเหล่านี้ จากญี่ปุ่นไปยังเกาหลีใต้ถึง 14 เที่ยวบิน

จากการสอบสวน พบว่า ยุน ซอล ฮุย แอบซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในชุดชั้นใน หลังจากนำมาจากญี่ปุ่น ก่อนที่ยาเสพติดเหล่านี้จะถูกกระจายไปให้บรรดาลูกค้า ส่วนนายแบบเยห์ ฮัค ยัง ทำหน้าที่เป็นจุดส่งผ่านที่ 3 จากการที่ยาเสพติดจากเขาจะถูกขายต่อไปให้บรรดาไนท์คลับหลายแห่งในกังนัม และคนรู้จักทั่วไป

สำหรับดาราหนุ่ม จู จี ฮุน ได้เริ่มเข้าไปพัวพันกับนักค้ายาเสพติดทั้งสองคน เมื่อช่วงเดือนมีนาคมปี 2551 และเคยถูกตำรวจตั้งข้อหาพัวพันยาเสพติดมาแล้ว แต่ตำรวจระบุว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เหล่าคนดังในวงการบันเทิง มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อและขายยาเสพติด และตำรวจกำลังขยายการสืบสวนออก ซึ่งคาดว่าจะพบพวกค้ายาเพิ่มขึ้นอีก

(ที่มา-คมชัดลึก)
(http://www.china.org.cn/culture/2009-04/27/content_17680514.htm)

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

"แบม-โบ๊ท"หมั้นแล้วอีก2-3เดือนแต่ง

เข้าพิธีหมั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ หรือ แบม อดีตนักการเมืองชื่อดัง จากอดีตพรรคชาติไทย วัย 36 ปี กับหนุ่มนักธุรกิจหนุ่มด้านเว็บไซต์การเงิน นายบุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์ หรือ โบ๊ท วัย 39 ปี หลังคบหาดูใจกันมาเกือบ 2 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 เม.ย. ที่ห้องออเธอร์ เลาน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กทม.
กำหนดการจัดงานฉลองมงคลสมรสของทั้งคู่นั้น น.ส.จณิสตา บอกว่า ทีแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะจัดงานเดือนพฤษภาคม 2552 แต่เนื่องจากมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น และได้ปรึกษากับผู้ใหญ่แล้ว จึงจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการจัดงานแต่งงานไปก่อน แต่คาดว่าจะไม่เกิน 2- 3 เดือนนี้อย่างแน่นอน
แม้นว่าทั้งคู่ได้นัดแถลงข่าวถึงวันเวลาและพิธีการแต่งงานอย่างไรก็ตาม "แบม" ได้ชี้แจงรายละเอียดในรายการนารีสโมสร ทางช่อง 3 ทางยูทูปดังนี้
http://www.youtube.com/watch?v=ui_nDdyJvlc

ทวิสตี้ท้าชิงผู้ชนะเกมส์Twisties Surprise

พร้อมลุ้นรับของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์ บนเว็บไซต์ www.ilovetwisties.net/surprisegame
ใหม่!!! ทวิสตี้ ชอตส์ เซอร์ไพรส์ หลายรสอร่อย ต้องลุ้น ซองไหน รสอะไร ชวนน้องๆ ร่วมสนุกง่ายๆ โดยเข้ามาร่วมเล่นเกมส์ Twisties Surpriseกับเราบนเว็บไซต์ www.ilovetwisties.net/surprisegame เพื่อร่วมลุ้นของรางวัลสุดเซอร์ไพรส์ มากมาย
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเกมส์ Twisties Surprise ให้น้องๆได้ลุ้นรับรางวัล 2 ต่อ Surprise ครั้งที่ 1 ลุ้นรับตั๋วหนัง EGV หรือ Major ฟรี รางวัลละ 2 ที่นั่ง เพียงเดาซิว่า ทวิสตี้ชอตส์ เซอร์ไพรส์ มีทั้งหมดกี่รสชาติ สนุกต่อ Surprise ครั้งที่ 2 กับเกมส์มันสๆ ผู้ที่คะแนนสูงสุด จะได้ลุ้นรับรางวัลสุดเซอร์ไพรส์ ไม่ว่าจะเป็น iPod touch 8Gb มือถือโนเกีย รุ่น 5730 และ เครื่องเล่น Nintendo Wii จะได้รางวัลไหนก็ต้องลุ้น รับรองสนุกแน่นอน
เริ่มมันส์กับเราได้แล้ววันนี้ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ประกาศผลผู้ชนะเลิศในวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ที่ www.ilovetwisties.net
พร้อมแล้วลุยกันเลย!

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

โด้และรูนีย์ยิงคนละ2ช่วยแมนฯยูฯพลิกชนะสเปอร์ส5-2

"ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกชนะ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส 5-2 หลังจากครึ่งแรกถูกนำไปก่อน 0-2 ได้ โรนัลโด้ และรูนีย์พลัดกันยิ่งคนละ 2 ลูก ในครึ่งหลัง ครองจ่าฝูงต่อไป แม้น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บุกถิ่น "เสือลาย" ฮัลล์ ชนะไป 3-1 จากการยิงของ เดิร์ก เคาท์ 2 ลูก ก็ตาม
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 25 เมษายน มีโปรแกรมฟาดแข้งทั้งหมด 7 คู่ โดย 2 ทีมคู่ปรับที่กำลังขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีกันอย่างสนุกมีคิวลงเล่นในคืนวันนี้เหมือนกัน เริ่มจากคู่เอกเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง แข่ง 32 นัด มี 74 คะแนน เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมอันดับ 9 แข่ง 33 นัด มี 44 แต้ม โดยเริ่ม เวลา 23.30 น.
หลังจากเล่นจบครึ่งแรก "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ตาม "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส 0-2 โดยสเปอร์สได้ประตูในนาทีที่ 29 และ นาทีที่ 32 พอเข้าสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ตามมาเป็น 1-2 นาทีที่ 57 จากการยิงลูกโทษของ คริสเตียโน โรนัลโด้ แต่รูนีย์มาตีเสมอ 2-2 นาทีที่ 67 และอีก 1 นาที โรนัลโด้ ยิงขึ้นนำเป็น 3-2 และนำห่างเป็น 4-2 จากการยิงของ รูนีย์ นาทีที่ 71 และอีก 1 ลูกจากการยิงของเบอร์บาตอฟ นาทีที่ 79 จบเกมชนะไป 5-2
ส่วนลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง แข่ง 33 นัด มี 71 คะแนน ยกพลบุกไปเยือนเคซี สเตเดี้ยม ของฮัลล์ ทีมอันดับ 16 แข่ง 33 นัด มี 34 แต้ม โดยเล่นตั้งแต่เวลา 21.00 น. และชนะไป 3-1 จากการยิงซ้ำจากเตะฟรีคลิกนอกเขตโทษนาทีที่ 45 และอีก 2 ลูกจากการยิงของ เดิร์ก เคาท์ นาทีที่ 63 และ 89 นั่งแท่นจ่าฝูงไปก่อน
ส่วนคู่อื่น โบลตัน เสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1 , เอฟเวอร์ตัน พ่าย แมนฯ ซิตี้ 1-2 , ฟูแล่ม ชนะ สโต๊ค 1- 0 , เวสต์บรอมวิช ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-0 , เวสต์แฮม พ่าย เชลซี 0-1



วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

"ปีศาจแดง"แมนฯ ยูไนเต็ดดดวลจุดโทษพ่าย"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"เอฟเวอร์ตัน 2-4 อดชิงชิงเอฟเอ คัพ

"ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ชวดชิงเอฟเอ คัพ เท้าบอดดวลจุดโทษพ่าย"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน 2-4 หลังจากหมดเวลาและต่อเวลาพิเศษ ยังเสมอกันอยู่ 0-0 โดยผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิงไม่เข้าคือแบร์บาตอฟ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ขณะที่ผู้เล่นเอฟเวอร์ตัน 4 คนยิงเข้าทั้งหมด ที่เวมบลีย์ในวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2552

11เม.ย.2552ทักษิณคนเสื้อแดงชนะแต่ชาติไทยพ่าย

วันที่ 11 เม.ย.นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกวันหนึ่งที่ กลุ่มคนเสื้อแดงภายใต้การนำของคนชื่อทักษิณที่บุกเข้าไปภายในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมผู้นำอาเซียนบอกสามและบวกหก ส่งผลให้การประชุมต้องเลื่อนออกไป สร้างความพอใจให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงภายใต้การนำของคนชื่อทักษิณประกาศชัยชนะในการต่อสู้กดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อสถานการณ์การเมืองไทยเป็นเช่นนี้ ทั้งสื่อและผู้นำที่มาร่วมประชุมต่างก็เข้าใจดีถึงผลที่เกิดขึ้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครชนะมีแต่ความพ่ายแพ้ของประเทศไทย

สื่อต่างประเทศบางคนถึงกับพูดว่า ไม่น่าจะนำปัญหาการเมืองภายในประเทศไทยมาส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียนที่จะเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยและอาเซียน

สำนักข่าวต่างประเทศมีการตีข่าวว่าการที่กลุ่มคนเสื้อแดงภายใต้การนำของคนชื่อทักษิณสร้างสถานการณ์ให้การเลื่อนการประชุมอาเซียนครั้งนี้ร้ายแรงเท่าๆ กับการปิดสถานบิน สร้างความเสียหายทางการท่องเที่ยวเป็นแสนแสนล้านเช่นเดียวกัน หากฝ่ายใดก็ตามจะกล่าวหาว่าการปิดสนามบินและการปิดล้อมโรงแรงทำให้การประชุมอาเซียนล่มเลวก็ต้องเลวพอๆกัน

เคยเขียนข้อความหลายครั้งแล้วว่า คนไทยไม่มีการขีดเส้นในการการต่อสู้ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องของชาติมักจะนำมาร่วมกันมั่วไปหมด มักจะตีความกฎหมาย รัฐธรรมนูญ หรือกฎกติกาต่างๆ เข้าข้างตัวเอง ไม่เคยตีความเข้าผลประโยชน์ของชาติเลย หรือแม้นแต่การยกหลักธรรมของศาสนาก็เช่นเดียวกันก็เพื่อประโยชน์ตัว

อย่างเช่นการยกบทคำสอนของพระพุทธทาสเกี่ยวกับการเมืองก็เฉพาะจุดเท่านั้น โดยไม่ได้ระบุให้ถึงแก่นแท้ของทำสอนของท่านเลยว่า หลักคำสอนของท่านทั้งชีวิตก็สอนไม่ให้ "คนเห็นแก่ตัว" ซึ่งเป็นหลักธรรมที่เป็นหัวใจ

แม้นว่าข้อกล่าวอ้างในการชุมนุมจะอ้างอยู่เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยแต่ส่งผลกระทบต่อชาติหรือทำให้ชาติเสียหายแล้วก็เท่ากับเป็นการทำลายชาติเช่นเดียวกัน

ดังนั้นวันที่ 11 เม.ย.2552นี้กลุ่มคนเสื่อแดง คนเชื่อทักษิณจะประกาศชัยชนะ แต่วันนี้นับเป็นวันพ่ายแพ้ของชาติไทยอีกวันหนึ่ง
พร้อมกันนี้ของให้ลองคลิกเข้าไปอ่านบทความในเว็บ
http://www.lhumdam.com/ พอจะได้คำตอบว่าที่นายเนวิน ชิดชอบ ถามนายวีระ มุสิกพงศ์ และนปช. คนเสื้อแดง ว่า การสร้างรัฐใหม่นั้นคืออะไร

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2552

8เม.ย.เสื้อแดงนัดม็อบแตกหักหรือแค่โปรโมทหนังสือทักษิณ

เป็นที่น่าสังเกตุว่าช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลตรงกับงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์พอดี ส่งผลให้มีการเปิดตัวหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับนักโทษชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อย่างเช่นเรื่อง "ลับ ลวง พราง" โดย วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร หรือ "ทักษิณ...Are you ok?" โดย "หมวดเจี๊ยบ"ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต ก่อนหน้านี้ก็ได้ออกหนังสือ "ทักษิณ...where Are you?" มาแล้ว หลังจากหนังสือสองเล่มนี้ออกมาก็มีการโปรโมทบนเวทีคนเสื้อแดงด้วย พร้อมกับมีการวางจำหน่ายที่งานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เช่นเดียวกันนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค น.ส.พินทองทา หรือเอม และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ลูกชายและลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือฉบับพิเศษ ชื่อ "คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก...พ่อ" ของสำนักพิมพ์ ฏ ปฏัก เขียนโดยนายสมบูรณ์ อิชยาวรกุล และ ม.ล.เฉลิมกิติ จักรพันธุ์ ซึ่งรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ "โอ๊ค เอม อุ๊งอิ๊ง"

น.ส.พินทองทากล่าวว่า จริงๆ พวกเราได้คุยกันว่าจะทำหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่กลางปี 2551 โดยไม่ได้คิดว่า หนังสือดังกล่าวจะออกมาช่วงวิกฤติการเมืองตอนนี้พอดี ซึ่งตอนแรกพ่อไม่เห็นด้วย แต่เมื่อลูกๆ ยืนยันว่าอยากทำจริงๆ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ตาม

ยังไม่หมดวันที่ 5 เม.ย.นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต โหรชื่อดังของเชียงใหม่ หรือโหร คมช.ก็ได้เปิดตัวหนังสือ "รหัสบุญเปลี่ยนรหัสกรรม" เพื่อนำรายได้จัดสร้างพุทธมณฑลล้านนา ในโอกาสจัดพิธีทำบุญประจำปี พร้อมกับทำนาย ทำนายบ้านเมืองจะไม่มีเหตุรุนแรง และพ้นสิ้นเดือนนี้จะดีขึ้น พร้อมวอนทุกคนหันหน้าคุยกัน ยุติขัดแย้ง ก็ไม่ได้อาศรัยสถานการณ์โปรโมทเหมือนกันอะนะ

ก็เชื่อแน่ว่าหลังจากวัน 8 เม.ย.สถานการณ์การเมืองจะยุติลงด้วยดีกลับไปบ้านเล่นสงกรานต์ตามประเพณีไทยขอพรกัน สิ่งไหนที่ล่วงเกินกันก็ให้อภัยกัน ใครมีความผิดก็ก้มหน้ารับกรรมตามคำแนะนำของโหรวารินทร์ในหนังสือ "รหัสบุญเปลี่ยนรหัสกรรม"


เพราะหากมุ่งแต่จะทำกรรมชั่วเอาชนะกันไม่ทำกรรมดีแล้วจะเปลี่ยนรหัสกรรมชั่วได้อย่างไร ก็มีแต่ดิ่งลงเหว "หมวดเจี๊ยบ" ก็คงจะเขียนหนังสือเล่มต่อไปเรื่อง " ทักษิณ...Are you in hell?" เป็นแน่แท้

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

“แอ๊ด คาราบาว”ตาสว่างรู้ทัน"ทักษิณ"น้าหงารู้นานแล้ว

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายสุรชัย จันทิมาธร หรือ หงา คาราวาน ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ได้ออกมาตอบโต้ "วิสา คัญทัพ" นักดนตรีเพื่อชีวิต (ตัวเอง) ที่กล่าวบนเวทีเสื้อแดงที่ล้อมทำเนียบฯโจมตีวงคาราวานที่แสดงดนตรีกับพันธมิตร ผ่านทางเว็บไซต์คมชัดลึกว่า เราต่างมีเวทีการแสดงออกที่ต่างกัน และไม่โต้ตอบอะไรเพราะถือว่าเป็นการปรบมือข้างเดียว จึงถือว่าไม่มีผลกระทบอะไร คิดเพียงว่าเป็นเสียงสุนัขเห่า

"แต่การแสดงออกนั้นต้องระวังในความเป็นศิลปิน ที่มีเสรีภาพ ไม่ควรด่าผู้อื่น โดยเฉพาะศิลปินด้วยกัน เพื่อนกันต้องไม่ทำกัน หรือศัตรูกันก็ยังไม่ทำกันขนาดนี้ ศัตรูก็ยังต้องให้เกียรติศัตรู แต่นี้เป็นมันหยาบ" น้าหงาระบุ พร้อมกับให้ความเห็นเกี่ยวกับการโฟนอินของ นช.ทักษิณ ว่า

"เป็นเรื่องผลประโยชน์ของใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น การแสดงออกโดยการโฟนอินจึงถือว่าเป็นการโต้ตอบการกระทำที่คลายกับไม่รอบครอบ ไร้สติปัญญาไม่สร้างสรรค์สังคม และหากสังคมยังเป็นเช่นนี้ก็หาทางออกไม่เจอ และถือว่าน่าเป็นห่วง การทำอะไรควรใช้สติปัญญา และจะเป็นการทดสอบสติปัญญาของคนไทยว่าจะฝ่าฟันวิกฤติไปได้อย่างไร"

ขณะเดียวกั “วิสา คัญทัพ" ก็ได้โต้กลับว่า อย่าพูดชื่อคนนี้ให้เขาได้ยิน จะเป็นการสบายหูที่สุด

ความจริงแล้วได้เคยสัมผัสกับ “วิสา คัญทัพ" บ้าง สมัยที่ "อดิศร เพียงเกษ" สมัยเป็นรมช.ศึกษาธิการ หลังจากนั้นชื่อของ “วิสา คัญทัพ" เข้าหูมาบ้าง สรุปแล้วชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับ "อดิศร เพียงเกษ" มากนัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสาธยายอะไรมากนักเพราะน้าหงาได้กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว

ขณะเดียวกันก็ทราบความคิดเห็นของ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล ที่ได้ปฏิเสธขึ้นเวที “คนเสื้อแดง” ตามคำเชิญในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ตสามช่าสามัคคี ที่โรงแรมดุสิตธานี ผ่างทาง ASTVผู้จัดการออนไลน์ ที่ระบุว่า ตนเองตาสว่างแล้ว และเคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษชาย แล้วว่าอย่าทำแบบนี้ และไม่ควรเอาประชาธิปไตยมาอ้าง

“การที่ม็อบเสื้อแดงบอกถ้าผมรักประชาธิปไตยก็ให้ขึ้นเวทีของเขา โธ่...กูเพื่อชีวิตตรงไหน คนที่ไปเที่ยวผับเพื่อชีวิตแล้วบอกว่าเพื่อชีวิต ถามว่ามันเพื่อชีวิตตรงไหน ผมไม่ไปหรอก เมื่อก่อนผมเคยเตือนทักษิณว่าอย่าทำแบบนี้ ม็อบเสื้อเหลืองผมก็ไม่ได้ไปยุ่งกับเขา ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาเรื่องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผมว่าที่เป็นอยู่คือกลุ่มเหลืองเกลียดทักษิณ อีกคนรักทักษิณ”

ผมเป็นคนหนึ่งที่ต่อสู้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ผมว่าประชาชนตกเป็นเครื่องมือของทั้งสองฝ่าย ประชาชนต้องตื่นผมไม่รู้จะทำไง เขียนเพลงให้ประชาชนตื่นเหรอ เอาเป็นว่าถ้ารักในหลวง อย่าออกไปเลย ทำประเทศให้ปกติดีกว่า มีบางกลุ่มที่เขาโจมตีผมแต่ผมไม่เคยตอบโต้ ผมจะโต้ทำไมถ้าผมโต้เขาจะเอาข่าวนี้ไปเล่นมันไม่มีประโยชน์ ผมไม่ได้ทำผิดอะไร คนรู้บ้างไม่รู้บ้างคนที่ไม่รู้มีไม่มากนะ แต่ส่วนมากเขารู้ว่าผมเป็นยังไง อย่ามายุ่งกันดีกว่า

ก็ต้องบอกว่าแทบไม่น่าเชื่อคำเช่นนี้จะหลุดออกจากปากของ “แอ๊ด คาราบาว” เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าใจว่าก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เดินตามก้นนช.ทักษิณ พูดตรงๆก็คือหวังผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง มาวันนี้ก็ต้องบอกว่าแปลกใจ และพูดได้หมดเปลือกดี และก็มีความคิดก็ไม่ต่างกับ “แอ๊ด คาราบาว” มากนักเพราะก็มีความรู้สึกว่าทั้งสองสีก็มีผลประโยชน์ของตัวเองแอบแฝง เป็นแต่เพียงเห็นด้วยในหลักการและแนวทางบ้างประการเท่านั้น

ได้ติดตาม “แอ๊ด คาราบาว” ตั้งแต่เพลเมดอินไทยแลนด์ ร่วมเคลื่อไนต่อสู้เผด็จการ รสช.จนเกิดพฤษภาทมิฬ เคยมองว่า “แอ๊ด คาราบาว” เคลื่อนไหวหรือแต่งเพลงก็เพื่อประโยชน์ส่วนร่วมเป็นหลัก แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีความรู้สึกว่า “แอ๊ด คาราบาว” ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่หาเช้ากินค่ำทั่วๆไป ก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร

แต่การที่ได้ทราบความคิดของ “แอ๊ด คาราบาว” ก็พูดตรงดี คนเรายอมรับสภาพตัวเองรู้ตัวเอง มันก็จบ แสดงให้เห็นว่า “แอ๊ด คาราบาว” ตาสว่างรู้ทัน นช.ทักษิณ แต่สำหรับผู้เขียนรู้ทันนช.ทักษิณนานแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคพลังธรรมเดินตามก้นพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แห่งสำนักสันติอโศก ตอนหลัง นช.ทักษิณ ไปนับถือสำนักรัตนบุตร จึงแตกคอกัน

อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ไม่รู้สภาพตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นช.ทักษิณ ไม่รู้จักคำว่า "พอ" จึงออกมาเคลื่อนไหนเช่นนี้ ก็ได้แต่บอกว่าขอให้ระวัง เพราะตัวอย่างให้เห็นอย่าง ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้เกิดอาการหน้ามืดช็อก จนหมดสติ เกี่ยวกับโรคหัวใจ ต้องถูกส่งเข้ารักษาตัวด่วนเข้าห้องซีซียู โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ แพทย์ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม

ก็คิดดูเอาเองก็แล้วกัน เพราะสิ่งที่ได้คาดคิดมันอาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ได้เป็นการยกขึ้นมาซ้ำเติม แต่เพื่อเป็นอุทธาหรณ์เตือนสติ ไม่เช่นนั้นก็คงพูดได้แต่เพียงว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" และกรรมมันก็เห็นกันในชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า


Google