ผู้ที่ได้เห็นหัวข้อนี้แล้วคงจะจิตนาการกันไปต่างๆนานา บ้างคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่เข้ามาประกวดนางงามเวทีใดเวทีหนึ่ง โดยที่มีฐานความรู้ที่เคยเรียนปริยัติธรรมะจนสามารถสอบได้ระดับนักธรรมชั้นเอก เพราะระยะหลังมีการรณรงค์ให้นักเรียนนักศึกษาเรียนนักธรรมและมีการสอบ
หรือบ้างคนอาจจิตนาการเป็นมากกว่านั้นก็คือ อาจจะเป็นเรื่องของพระหรือสามเณรที่มีพฤติกรรมเข้าลักษณะพระตุ๊ดเณรแต๋ว และมีการประกวดกันเป็นการภายใน
ความคิดทั้งสองทางนี้ก็มีส่วนถูกอยู่บ้างแต่ไม่ตรงนัก แต่ที่กล่าวถึงนี้เป็นชีวิตของ "น้องนัท" ณภัสวรรณ ชลกร วัย 21 ปี จากเมืองเชียงใหม่ ที่เข้าประกวดมิสทิฟฟานีปี 2009 ที่ผ่านมา จนสามาถได้ตำแหน่งรองอันดับสองมาครอง คนส่วนใหญ่จะรู้ประวัติของเธอเพียงแคผลการประกวดและพื้นฐานความรู้ของเธออยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และปัจจุบันี้กำลังศึกษาอยู่
แต่จุดประกายกรุงเทพธุรกิจได้เจาะลึกวิถีชีวิตของเธอจึงทำให้ได้ทราบพื้นฐานของเธอมากขึ้น
"น้องนัท" ก่อนหน้านี้เคยบวชเป็นสามเณรมาก่อนทางภาคเหนือ และเรียนนักธรรมและบาลีเหมือนกับพระสามเณรทั่วไปที่เข้ามาบวช และดูเหมือนว่าเธอจะมีสติปัญญาดีพอสมควรเพราะว่าสามารถเรียนและสอบนักธรรมตรี โท เอก ได้โดยไม่ตกเลย ซึ่งการเรียนและสอบนักธรรมของพระและสามเณรนั้นจะมีการสอบวัดผลปีละ 1 ครั้ง รูปใดที่สอบได้ก็จะได้เรียนในระดับสูงขึ้นไป หากรูปใดสอบไม่ได้ต้องสอบซ้ำชั้นในปีต่อไป บางรูปต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะสอบได้ในแต่ละชั้นไม่มีการสอบซ่อม
นอกจากนี้ "น้องนัท" ยังสามารถสอบในประเภทบาลีได้อีกด้วย คือสามารถสอบได้ในระดับประโยค 1-2 ซึ่งเป็นระดับแรกของการศึกษาของพระสงค์ประเภทบาลี ซึ่งสูงสุดถือประโยค 9 หาก "น้องนัท" ยังไม่สึกและเรียนบาลีต่อในระดับประโยค 3 ก็เชื่อแน่ว่าจะสอบได้ หาก "น้องนัท" สอบประโยค 3 ได้ เมื่อบวชเป็นพระก็จะมีคำว่า"มหา"นำหน้าชื่อ คือ "พระมหานัท" นี้คือนิคเนม ชื่ออย่างเป็นทางการคือพระมหาณภัสวรรณ และมีฉายาต่อท้าย อย่างเช่น พระมหาณภัสวรรณ ชลกโร หาก"น้องนัท" ยังบวชเป็นเณรอยู่และสอบได้ประโยค 9 ก็ถือว่าได้เป็นนาคหลวงก่อนจะบวชเป็นพระ
หรือ "น้องนัท" ไม่เรียนทางทางบาลีก็สามารถเรียนต่อทางที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่งได้ในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก แต่ก่อนจะเข้าเรียนระดับปริญญาตรี "น้องนัท"ก็จะต้องสอบบาลีให้ได้ระดับประโยค 6 หรือไม่เช่นนั้นก็จะต้องสอบเทียบหรือเรียนกศน.ให้ได้ ม.6 เสียก่อนถึงจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ได้
แต่"น้องนัท"จบการศึกษาทางพระเพียงระดับนักธรรมเอกและประโยค 1-2 หลังจากนั้นก็สึกและเรียนต่อจนสามารถเรียนจบ ม.6 และเรียนต่ออยู่ขณะนี้ แม้น"น้องนัท"จะบอกกับจุดประกายว่า "ไม่ได้ทำตามหน้าที่นะคะ แต่เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าถึงเราเป็นแบบนี้ก็อยู่ได้" ก็ตามที
แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ "น้องนัท" กับจุดประกาย ทำให้ได้รู้ว่า "น้องนัท" เข้าชีวิตของตัวเองและสังคมรอบข้างและทั่วไปพอสมควร และเชื่อแน่ว่าตลอดเวลา 4 ปีของ"น้องนัท" ในร่มกาสาวพัตร สามารถฝึกให้เธอแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง สามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมมายาได้อย่างทรนง ไม่ยอมแพ้เมื่อมีปัญหาถึงขึ้นทำร้ายตัวเองเหมือนกันหลายชีวิตจบลงด้วยการหนีปัญหา คิคว่า 4 ปีพอจะเป็นเครื่องบำรุงชีวิตของ"น้องนัท" เพื่อประโยชน์ตัวเอง และเพื่อประโยชน์กับบุคคลอื่นบ้าง เท่านั้นก็ถือว่าชีวิตของ"น้องนัท"ก็มีประโยชน์แล้ว แม้นว่าจะอยู่ฐานะหรือเพศใดก็ไม่สำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น