วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปลอกเปลือกคนชื่อทักษิณแก้จนเขมรได้จริงหรือ

การบรรยายในหัวข้อ"ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจ"ที่กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของประเทศกัมพูชาวันที่ 12 พ.ย. ของคนชื่อทักษิณ นับเป็นการทำหน้าที่ครั้งแรกในตำแหน่งที่ปรึกษา"ฮุนเซน" อย่างเป็นทางการท่ามกลางกระแสความขัดแย้งกับไทยเหตุ "ฮุนเซน" ประกาศจะไม่ส่ง"ทักษิณ"ให้ไทยในฐานผู้ร้ายข้ามแดนเหตุหนีคุกในคดีอาญา

เนื้อหาที่ "ทักษิณ" บรรยายเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหายากจนในชนบท นโยบายประกันสุขภาพ การศึกษา พร้อมเสนอแนะให้มีการแก้ไขกฎหมายเอื้อต่อการลงทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยว

แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าในเนื้อหาการบรรยายของ "ทักษิณ" เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจนนั้น ไม่มีคำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" หลุดออกจากปากเลย ทั้งๆเคยโฆษณาไว้ตอนแถลงข่าวกับ "ฮุนเซน" และการกล่าวต่อหน้านี้หลายครั้งจะนำ "เศรษฐกิจพอเพียง" แก้ปัญหาความยากจนของชาวเขมรในตำแหน่งที่ปรึกษา "ฮุนเซน"

จึงมีจุดฉุกคิดว่าแล้วคำพูดที่ "ทักษิณ" ประกาศไว้ว่าจะช่วยปัญหาความยากจนให้กับชาวเขมรรวมถึงคนไทยที่เคยประกาศมาตลาดจากเดิมประกาศไว้จะทำให้คนไทยหายจนภายในปี 2552 แต่ก็มาแก้ต่างว่าถูกยึดอำนาจเสียก่อนในหนังสือ "คนไทยหายจน (เสียดาย..ถูกปล้นเสียก่อน)” ซึ่งเป็นการแปลจากหนังสือ “Tackling Poverty” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษ โดย Anil Bhoyrul

เป็นหนังสือที่บรรจุเนื้อหาหลักๆเกี่ยวกับ กองทุนหมู่บ้าน, โอท็อป, เอสเอ็มอี, 30 บาทรักษาทุกโรค, การล้างอิทธิพลมาเฟีย, ปราบปรามยาเสพติด, แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ, การออกหวยบนดินปราบหวยใต้ดิน, การปฏิรูปการศึกษา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการบริหารรัฐบาล จัดการแบบซีอีโอ(CEO) ฯลฯ ที่เกิดขึ้น ในยุคที่เขาเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้คนไทยหายจนได้ในปี 2552 แต่ก็ถูกยึดอำนาจเสียก่อน ซึ่งก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "เศรษฐกิจพอเพียง" เหมือนเดิม

จึงทำให้เกิดสงสัย(วิจิกิจฉา) ว่าสิ่งที่ "ทักษิณ" โฆษณากับชาวเขมรและคนไทยจะเป็นจริงหรือไม่หรือว่า "แก้ปัญหาความยากจน"จะเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อโดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ตัวเองเป็นสำคัญ ของนักการเมืองที่ไม่สามารถแก้ได้จริง

พันธุ์ทิพย์โหนกระแส3Gจัดกระเช้าไอทีรับปีใหม่

นายวิษณุ หวังวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัททิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ครบรอบ 25 ปี บริษัทจึงได้ร่วมมือกับร้านค้าคอมพิวเตอร์ ไอที และ บริษัทแบรนด์ไอทีชั้นนำต่างๆ กว่า 1,500 ร้านค้าร่วมกันจัดมหกรรมลดราคาสินค้าคอมพิวเตอร์ครั้งยิ่งใหญ่ ลดทั้งศูนย์การค้าฯ เพื่อร่วมฉลองเปิดแคมเปญ “PANTIP HOT SALE 2009… 25 ปีทอง ลดฉลองส่งท้ายปี” พร้อมสร้างเทรนด์ใหม่กระเช้าของของขวัญไอที เป็นทางเลือกให้ลูกค้าจับจ่ายเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ โดยแคมเปญจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2552 (9 วัน) ที่สาขาประตูน้ำ สาขางามวงศ์วาน และ บางกะปิ คาดว่าเงินสะพัดภายในงาน 9 วัน รวม 3 สาขา กว่า 3,000 ล้านบาท

“สำหรับแคมเปญ Pantip Hot Sale 2009 25 ปีทอง ลดฉลองข้ามปี ในครั้งนี้จะเน้นให้ผู้ประกอบการร้านค้า เจ้าของแบรนด์สินค้าไอที ภายในศูนย์ฯ กว่า 1,500 ร้านค้า ร่วมลดราคาสินค้าทั้งศูนย์การค้าฯพร้อมกัน ทั้งพันธุ์ทิพย์ 3 มุมเมือง คือใจกลางเมืองที่สาขาประตูน้ำ ย่านนนทบุรี กรุงเทพฝั่งเหนือและตะวันตกที่สาขางามวงศ์วาน และ โซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกที่สาขาบางกะปิ

นอกจากนี้ร้านค้ายังพร้อมใจตกแต่งร้านค้าตามเทศกาลปีใหม่ และเตรียมจัดเซ็ตกระเช้าของขวัญไอที ราคาสุดพิเศษ ไว้ให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการเลือกสรรของขวัญมอบแด่บุคคลที่รักในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในราคาสุดพิเศษกับรายการสินค้า “ Pantip Big Gift Big Surprise Set มูลค่าเพียง 999 บาท” จากราคาเต็มอยู่ระหว่าง 1,500 – 2,000 บาท นอกจากนี้ ค่ายสินค้าไอทีแบรนด์ดังยังได้จัดกิจกรรม สินค้าลดครึ่งราคาในรายการ “ Everyday Half Price” ทุกวัน ทุกสาขา และ เพื่อร่วมฉลองส่งท้ายปีและคืนกำไรแก่ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ ศูนย์การค้า ฯ จึงจัดโบนัสแก่นักช้อป เมื่อซื้อสินค้าครบ ทุก ๆ 500 บาท รับคูปอง 1 ใบ เพื่อลุ้นคูปองส่วนลดเงินสด “ Pantip Cash Coupon” มูลค่า 999 บาท โดยจับแจกทุกวัน

นอกจากนี้คูปองที่พลาดโอกาสยังมีสิทธิ์ลุ้นรถยนต์เป็นรางวัลที่ 1 ลุ้นกระเช้าของขวัญไอที มูลค่ารางวัลละ 15,000 บาทอีก 3 รางวัล และ ลุ้นร่วมถ่ายภาพสวยเก๋ที่ร้านImagine มูลค่า 10,000 บาท อีก 10 รางวัล พร้อมของรางวัลและของสมนาคุณอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เตรียมไว้สำหรับแคมเปญส่งท้ายปีนี้” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโปรโมชั่นโดนใจต่าง ๆ ที่กล่าวไปแล้ว ศูนย์การค้าฯยังได้เตรียมมอบความบันเทิงให้กับลูกค้าในโอกาสครบรอบ 25ปี อาทิ :

• กิจกรรมเปิดตัววันเสาร์ ที่ 28 พย. กับกิจกรรม “Pantip 25th Anniversary’ Fash Show” เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษโดยดารานักแสดงชื่อดัง “น้องรถเมล์ คนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ (สาขาประตูน้ำเวลา ประมาณ 13.30 น.), ต๊ะ วริษฐ์ ทิพโกมุท (สาขางามวงศ์วาน เวลาประมาณ 15.00 น.) และ น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล (สาขาบางกะปิ เวลาประมาณ 18.00 น.)

• วันอาทิตย์ ที่ 6 ธค. Meet & Greet และสนุกสนานกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินสุดฮอต “รุจ The Star (สาขางามวงศ์วาน เวลาประมาณ 18.00 น.) , บอย พิษณุ AF2 (สาขาประตูน้ำ เวลา ประมาณ17.00 น.) และ แจ๊ค เมธัท AF4 (สาขาบางกะปิ เวลาประมาณ 16.00 น.)”

• และทุกวันพบกับกิจกรรมความรู้แลความบันเทิง อาทิ กิจกรรมเทคโนโลยีจากเยาวชนนักศึกษาความสามารถระดับประเทศ กับสุดยอด Brand’s Gen, กิจกรรมพิเศษ ร่วมประมูลสินค้าไอที เพื่อนำรายได้ทั้งหมดสมทบทุนช่วยเหลือน้องๆผู้ด้อยโอกาสกับโครงการ “พันธุ์ทิพย์ เพื่อน้อง” ในราคาเริ่มต้นประมูลเพียง 1 หรือ 99 บาท

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"บวรศักดิ์"ยก"บริจาคะ"สอนธรรมคนทรยศชาติ

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเขมรย้ำเขมรกำลังคุกรุ่นอยู่เพราะคนๆเดียว ส่งผลให้รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำต้องประกาศทบควนความสัมพันธ์กับเขมรย้ำอีกเขมรเรียกทูตกลับ ก็มีคนไทยทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยด้วยปัจจัยและฐานปัญญาแตกต่างกันไป

สำหรับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสมัยคนๆนั้นได้ออกมาแสดงความเห็นว่า รัฐบาลทำถูกต้องแล้ว ไม่มีอะไรที่รุงแรงเกินไป ตนสนับสนุนการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ แต่ขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องระวังให้ดีว่าความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมรอาจนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการล่มสลายของอาเซียน
ขณะเดียวกันนายบวรศักดิ์ได้ขอฝากข้อคิดไปถึงคนที่เป็นผู้นำประเทศหรือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำหรือกระสันจะเป็นอีกว่า จะต้องมีธรรมะข้อหนึ่งคือ ปริจาคะ หมายถึงการเสียประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ใครก็ตามที่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คนแบบนี้ไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำในระดับใดทั้งสิ้น

การแสดงความเห็นของนายบวรศักดิ์ครั้งนี้ในโอกาสปิดการประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ 11 ของสถาบันพระปกเกล้าเรื่อง “ ความขัดแย้ง ความชอบธรรมและการปฏิรูประบบรัฐการจัดสรรผลประโยชน์ที่เป็นธรรมในสังคมไทย” ซึ่งก็มีข้อสรุปนักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการเป็นสามเหลี่ยมคอรัปชั่น ปั้นโครงการแบ่งกันกิน พร้อมกับเสนอปรับปรุงระบบเลือกตั้งส.ส.-ที่มาส.ว.อย่างให้มีสภาผัวสภาเมีย เพิ่มอำนาจนายกฯ สร้างดุลยภาพฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ ได้ยินมานานแล้วข้อสรุปแบบนี้ไม่หมดไปจากสังคมไทยเสียที

จุดที่น่าสังเกตุหลักธรรมนายบวรศักดิ์ยกมาสอนผู้นำประเทศหรือคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำหรือกระสันจะเป็นอีกคือ บริจาคะ ซึ่งเป็นหนึ่งในทศพิธราชธรรม แทนที่นายบวรศักดิ์จะใช้คำว่า "ทาน" ซึ่งก็เป็นหลักธรรมหนึ่งในทศพิธราชธรรมเหมือนกันเพราะคำว่า "ทาน" คือการให้ (แจก) สิ่งของ แต่การ "บริจาคะ" คือการละความเห็นแก่ตัว

แต่บุคคลที่นายบวรศักดิ์ต้องการพูดถึงหรือต้องการให้มี "บริจาคะ" ก็มีคนที่เคยสรุปไว้ว่าคนๆนั้นมีบ้างหรือไม่ อย่างเช่น นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรีได้เคยกล่าวไว้ว่า "ผู้ที่มีอำนาจมากมักลืมตัวกับสิ่งยั่วใจ คิดว่าตัวเองเหนือผู้อื่น ตัวเองไม่มีข้อตำหนิ อันนี้ผมเขียนไว้ทำไม อาจจะเป็นคำรับสั่งของท่านที่เคยให้ไว้ นอกจากนั้นผมได้เขียนปิดท้ายในบทความในสมัยนั้นว่า ความไม่สำเร็จของผู้นำบางคน ซึ่งตอนนั้นผมไม่พอใจท่านหนึ่ง ที่ไปอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้มีตรงนี้ทุกข้อ เช่น ทาน รวยแล้วไม่เคยทำบุญ วันมาฆบูชาคนอื่นไปเข้าเฝ้าฯ ในหลวงในวัง แต่กลับไปตีกอล์ฟไปฮ่องกง ศีล อย่างนโยบายผิดพลาดเช่นเรื่องยาเสพติด ความไม่โปร่งใส การทุจริตเชิงนโยบาย

จาคะก็เช่นเดียวกัน ไม่เคยสละความสุขส่วนตัว ความซื่อตรง เห็นชัดการแต่งตั้ง ความอ่อนโยน พูดจาก้าวร้าวดูถูกผู้ที่ไม่เห็นด้วย นึกว่าตัวเองเก่งที่สุด มีกิเลสตัณหา อยากรวยต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ออกกฎหมายเพื่ออำนวยธุรกิจ โกรธง่าย ไม่เชื่อคนอื่นเสนอแนะ เชื่อแต่คนรอบตัวบริวารเก่า เบียดเบียนคนอื่นด้วยเงิน อำนาจ ซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์ ซื้อหุ้นบริษัทคู่แข่ง ขันติ ไม่มีความอดทน ใจร้อนวู่วาม ไม่มีความรอบคอบ อ้างว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่ตั้งมั่นในธรรม ไม่โปร่งใส ตอนนั้นเป็นข้าราชการเพิ่งเกษียณเลยพูดได้"

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กกต.เชือด“มานิต”ถือหุ้น“ทรู”บทสะท้อนประมูล3จี

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการตำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขของนายมานิต นพอมรบดี พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากถือหุ้นที่เป็นสัมปทานของรัฐขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 คือถือหุ้นในบริษัทบริษัททรู คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 500 หุ้น แต่เจ้าตัวบอกว่าได้ขายไปหมดแล้วก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งแต่ทำใบหุ้นหายและได้แจ้งความไว้แล้ว

ก่อนหน้านี้กกต.ก็ได้มีมติให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พ้นสมาชิกภาพในกรณีเดียวกันจำนวน 13 คนในจำนวนนั้นเป็นที่น่าสังเกตุคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองเลขาธิการพรรค และ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี คือหุ้นในบริษัททรู คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วย นอกจากนี้มี ส.ส.ปชป.หรือคู่สมรสถือหุ้นเช่นเดียวกับนายสุเทพทำให้พ้นสมาชิกภาพอีก 3 คน

ขณะเดียวกันตามที่ กกต.ได้วินิจฉัยให้ ส.ว.จำนวน 16 คนสิ้นสมาชิกภาพนั้นจะไม่มี ส.ว. ถือหุ้นใน บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) แต่ก็มีส.ว.ที่ถูกร้องเรียนถือหุ้นแต่กกต.วินิจฉัยไม่สิ้นสมาชิกภาพเพราะไม่เข้าเงื่อนไข

จากข้อมูลดังกล่าวก็พอจะอนุมาณได้ว่าผลการประมูล 3จีของ กทช.จะเป็นอย่างไร เพราะอย่างล่าสุดการประชุมครม.เศรษฐกิจเมื่อวันที่ 4 พ.ย. กระทรวงไอซีที ได้รายงานผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบต่อบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม ที่เกิดจากการออกใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือ 3จี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมมอบหมายให้ กทช.หาคำตอบให้ชัดเจน ถ้ากทช.ไม่หารือกฤษฎีกา รัฐบาลก็คงทำหนังสือหารือไปเอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในประเด็นด้านกฎหมาย

ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการคัดเลือกกรรมการ กทช. ทดแทนกรรมการที่หมดวาระและที่ลาออก กทช.ควรหารือหารือข้อกฎหมายกับกฤษฎีกาในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนด้วยอีกประเด็น ดังนั้นที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ เห็นว่ากระทรวงไอซีที จึงน่าจะชะลอการลงทุนโครงการ 3 จี ในส่วนของ ทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ไว้ก่อน

ทั้งนี้ ทีโอที ได้ประกาศที่จะเดินทางเมื่อไม่นานมานี้พร้อมประกาศวันดีเดย์วันที่ 1 ธันวาคมนี้ และก่อนหน้านี้ทั้งทรู ดีแทคก็ได้มีการทดลองเปิดให้บริการ 3 จีมาแล้ว เมื่อถึงขั้นนี้ได้แต่รออะนะ

Google