วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เคอิโงะสมหวังพบพ่อญี่ปุ่นสมใจเหตุมีสื่อ-ผู้ว่าฯดีดัน

ภาพที่ ด.ช.เคอิโงะ ซาโต วัย 9 ขวบ ที่ถือรูปถ่ายพ่อชาวญี่ปุ่นติดตามหาพ่อหน้าพระอุโบสถวัดท่าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร โผเข้าไปหานายคัตซูมิ ซาโตทันทีที่ลงเครื่องบินสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ JO/JL 717 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 15.30น.ของวันที่ 2 ตุลาคม เมื่อสองพ่อลูกได้พบกันต่างกอดกันร่ำไห้ สร้างความตื้นตันใจให้กับผู้พบเห็นและทราบข่าวต่างยินดีกับด.ช.เคอิโงะที่สมหวัง และชื่นชมกับนายคัตซูมิที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อที่ดี

และวันที่ 3 ต.ค.ด.ช.เคอิโงะก็ได้พาพ่อและเพื่อนๆ ได้เดินทางมาเที่ยวสวนสยาม ทะเลกรุงเทพ โดยมีนายชัยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสยามพาร์คซิตี้ จำกัด ได้ให้การต้อนรับท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวสวนสยาม ซึ่งนายชัยวัฒน์ ได้มอบบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้สองพ่อลูก เที่ยวฟรีสวนสยามเป็นระยะเวลา 10 ปี

ระหว่างที่เที่ยวสวนสยามด.ช.เคอิโงะมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง ตื่นเต้นที่ได้เล่นเครื่องเล่น และว่ายน้ำเดินจูงมือพ่อให้อาหารปลา คงจะเดาออกว่าด.ช.เคอิโงะจะมีความสุขมากน้อยเพียงใด เพราะอย่างน้อยก็มีความอบอุ่นมีพ่อเหมือนกันคนทั่วไปไม่คิดยามเหงาว่าตัวเองนั้นอยู่เพียงลำพังในโลกนี้ลบปมด้อยที่มีอยู่ในใจ

ก่อนหน้านั้น ด.ช.เคอิโงะพร้อมนายคัทซึมิและเพื่อนๆได้เดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้นช่วงเย็นทั้งหมดก็จะเดินทางกลับ จ.พิจิตร เพื่อพาพ่อไปเคารพศพมารดา

แต่กว่าจะมีถึงวันนี้ ด.ช.เคอิโงะมีความมุ่งมั่น(ฉันทะ)ที่จะตามหาพ่อที่เป็นชาวญี่ปุ่นตามที่แม่ได้บอกไว้ก่อนจะจากลูกไป หลังจากนั้น ด.ช.เคอิโงะ มีความพยายาม (วิริยะ) ที่จะเข้าไปสอบถามพร้อมกับรูปถ่ายพ่อชาวญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยววัดท่าหลวงว่า "เห็นพ่อผมไหม" ทำเช่นนี้อยู่นานกว่า 2 ปี โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจ (จิตตะ) พร้อมกับค้นหาวิธีเพื่อที่จะสื่อไปถึงพ่อที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นหรืออยู่ที่ไหนของโลกก็ตาม (วิมังสา)
หากด.ช.เคอิโงะไม่มี ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ล้มเลิกความตั้งใจหรือไม่ขยันที่จะตามหาพ่อมีหรือจะมีวันนี้ เพราะหลักธรรม 4 ประการนี้เป็นเครื่องมือไปสู่ความสำเร็จ ที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า อิทธิบาท 2 ประการ เป็นแรงจูงใจให้กับลูกที่มีชะตากรรมเช่นเดียวกับ ด.ช.เคอิโงะต่อสู้ชีวิตต่อไป


ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีอยู่ในตัวของ ด.ช.เคอิโงะ ส่งผลให้ทราบไปถึงสื่อมวลชนจังหวัดพิจิตรมองว่าการตามหาพ่อชาวญี่ปุ่นเป็นประเด็นที่น่าสนใจและเป็นการช่วยเหลือด.ช.เคอิโงะอีกทางหนึ่งจึงเขียนข่าวถึงเป้าหมายและวิธีการของด.ช.เคอิโงะให้กับสาธารณชนได้ทราบและมีการนำเสนอข่าวของด.ช.เคอิโงะตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้

ขณะเดี่ยวกันด.ช.เคอิโงะอยู่จังหวัดพิจิตรมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่ชื่อนายสมชัย หทยตันติ ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เข้ามาแลติดตามการเคลื่อนไหวของด.ช.เคอิโงะตลอด เพราะนอกจากเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่านายสมชัยเป็นนักบริหารที่ดี
เนื่องจากมองออกว่าข่าวที่เกี่ยวข้องกับด.ช.เคอิโงะที่ถูกนำเสนอออกไปเท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตรไปในตัว เมื่อมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับท่องเที่ยวในจังหวัดพิจิตรอย่างเช่นการแข่งเรือก็จะนำด.ช.เคอิโงะไปร่วมแถลงข่าวด้วย ส่งผลให้ผู้ไปเที่ยวจังหวัดพิจิตรมากขึ้น ทำให้รายได้เข้าจังหวัดเพิ่มเป็นเงาตามตัว เท่ากับว่าด.ช.เคอิโงะเป็นพรีเซ็นเตอร์ชั้นดีของจังหวัดพิจิตรไปในตัว


ไม่ใช่มีเฉพาะด.ช.เคอิโงะเป็นพรีเซ็นเตอร์ชั้นดีของจังหวัด แม้นแต่ ด.ช.หม่อง ทองดี เด็กไร้สัญชาติที่มีความสามารถในการพับกระดาษเครื่องบินไปแข่งที่ประเทศญี่ปุ่นพาทีมไทยชนะเลิศและตัวเองได้ที่ 3 สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง ก็นับได้ว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ชั้นดีของจังหวัด

หากผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆมีวิสัยทัศน์นำเด็ก บุคคล และสถานที่ของจังหวัดที่ตัวเองมีอยู่เสริมกับรณรงค์ร้องเพลงชาติตามจังหวัดต่างๆ ก็เชื่อแน่ว่าจะสามารถโปรโมทการท่องเที่ยวจังหวัดนั้นๆ เชื่อแน่จะสามารถสร้างรายได้เข้าจังหวัดช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทาง


ดูคลิปที่ - http://www.mhanation.net/keingo0310.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google