สภาพเศรษฐกิจที่บีบรัดด้วยลำพังเงินเดือนสามีที่ต้องแบกรับภาระจิปาถะของสมาชิกรวม 4 ชีวิต บางครั้งขัดสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกทั้งสองซึ่งอยู่ในวัยเรียน เป็นเหตุให้ วารินทร์ สมพงษ์ วัย 34 ปี ดิ้นรนทุกวิถีทางสร้างอาชีพเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว จากลูกจ้างขายผ้า สู่พนักงานขายตรงแต่ชีวิตยังไม่ดีขึ้น กระทั่งลงตัวที่ "ร้อยลูกปัดแก้วญี่ปุ่น" หลากสไตล์ ขายทั้งปลีกและส่งเพราะมีลูกค้าอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง
วารินทร์ย้อนให้ฟังก่อนมาจับงานร้อยลูกปัดว่า ชีวิตของตนไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ต้องดิ้นรนขวนขวาย และต้องหนักเป็นสองเท่าเพราะความรู้น้อย ดังนั้นงานที่ทำจึงมักหนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้าง โดยเฉพาะการเป็นลูกจ้างขายผ้าที่ย่านบางลำภู ซึ่งที่นี่วารินทร์บอกเป็นเสมือนโรงเรียนให้ความรู้ด้านงานเย็บปักถักร้อย เมื่อว่างเธอจึงฝึกปรือฝีมืออยู่ตลอด
"ลูกๆ ไม่มีคนดูแล สามีให้ลาออกมาเป็นแม่บ้าน ปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ รายได้ครอบครัวไม่พอรายจ่ายจึงอาศัยความรู้เดิมรับตัดเย็บเสื้อผ้า เมื่อว่างก็จะร้อยลูกปัดทั้งสร้อย แหวน กำไลขาย ช่วงนั้นสามีเป็นนักข่าวประจำรัฐสภา ทำให้มีออเดอร์จากเพื่อนๆ และข้าราชการ รายได้ตกเดือนละ 2,000-3,000 บาท" วารินทร์ บอก
พร้อมเล่าอีกว่าแม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นแต่เมื่อยังไม่มีประสบการณ์และไม่มีเงินลงทุน เธอจึงหันไปยึดอาชีพขายตรง ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม อยู่ระยะหนึ่งทำให้เหินห่างจากการทำเครื่องประดับ แต่พอลูกทั้งสองเข้าโรงเรียนทำให้มีเวลาว่าง เธอจึงไปทำงานที่สหกรณ์บางลำภูในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
"เห็นแม่ค้าที่ขายของรอบๆ สหกรณ์ร้อยสร้อยลูกปัดแก้วญี่ปุ่นจึงสนใจ ให้เขาแนะนำการร้อยให้ หัดอยู่ 2-3 วันก็ขึ้นเส้นได้ จากนั้นก็นำกลับไปทำที่บ้านช่วงแรกๆ วันหนึ่งจะร้อยได้เส้นเดียว เมื่อใส่ตะขอใส่ห่วงแล้วจะดูสวยงาม ยิ่งถ้าเป็นลูกปัดสีทองจะสวยมาก" วารินทร์ แจงและว่า เมื่อเสร็จก็จะขายให้ญาติและคนรู้จัก ถ้าเป็นลูกปัดสีทองยาว 22 นิ้ว เส้นละ 700 บาท ยาว 15 นิ้ว 500 บาท และลูกปัดธรรมดา 100 บาท ทำให้มีออเดอร์เข้ามาพอสมควร
เธอเสริมอีกว่ายิ่งช่วงที่ผ่านมาจตุคามรามเทพฟีเวอร์ สามีจึงได้นำเสนอขายบนอินเทอร์เน็ตตามเวบไซต์ต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้ตกเดือนละ 5,000-6,000 บาท พร้อมยังได้นำไปเสนอกับร้านที่ขายเครื่องประดับตามห้างสรรพสินค้าด้วย
"เมื่อคนให้ความสนใจกันมาก จึงมีคนถักมากขึ้น ทำให้ลูกปัดแก้วญี่ปุ่นขาดตลาด เราจึงหาลูกปัดแบบอื่นมาทำแทน ทั้งสร้อยพระ สร้อยจตุคามฯ แหวน กำไล ต่างหู สร้อยหินสีแฟชั่น โดยไปซื้อวัตถุดิบที่สำเพ็ง วังบูรพา และสวนจตุจักร ขณะที่สไตล์ก็จะศึกษาจากหนังสือแฟชั่น และเวบไซต์เกี่ยวกับเครื่องประดับที่สามีรวบรวมไว้"
เมื่อจตุคามรามเทพหายฟีเวอร์ก็ยังคงรับร้อยลูกปัดเรื่อยมาแม้นว่ารายได้จะลดลงไปบ้าง มาช่วงนี้มีกระแสข่าว"ลูกปัดสุริยเทพ" ถูกโจรกรรมไปจากงานแสดงที่ อาคารนิทรรศการหมุนเวียน สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม อาจะทำให้ความนิยมในการใส่เครื่องประดับที่ทำจากลูกปัดแก้ญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและทองแพงเช่นนี้ก็สามารถใส่แทนไปก่อนได้
"การทำเครื่องประดับขาย นอกจากตัวเองมีความสุขแล้ว ยังทำให้คนที่ซื้อไปใส่มีความสุขด้วย" นั่นเป็นคติประจำใจที่"วารินทร์" ยึดเหนี่ยว แต่หากท่านใดสนใจงานฝีมือของเธอ ซึ่งทุกชิ้นการันตีแฮนด์เมด กริ๊งกร๊างไปได้ที่ 086-8997-351, 08-1558-3865 หรือติดต่อโดยตรงที่ 65/76 หมู่ 2 ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
วารินทร์ย้อนให้ฟังก่อนมาจับงานร้อยลูกปัดว่า ชีวิตของตนไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ต้องดิ้นรนขวนขวาย และต้องหนักเป็นสองเท่าเพราะความรู้น้อย ดังนั้นงานที่ทำจึงมักหนีไม่พ้นการเป็นลูกจ้าง โดยเฉพาะการเป็นลูกจ้างขายผ้าที่ย่านบางลำภู ซึ่งที่นี่วารินทร์บอกเป็นเสมือนโรงเรียนให้ความรู้ด้านงานเย็บปักถักร้อย เมื่อว่างเธอจึงฝึกปรือฝีมืออยู่ตลอด
"ลูกๆ ไม่มีคนดูแล สามีให้ลาออกมาเป็นแม่บ้าน ปี 2540 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ รายได้ครอบครัวไม่พอรายจ่ายจึงอาศัยความรู้เดิมรับตัดเย็บเสื้อผ้า เมื่อว่างก็จะร้อยลูกปัดทั้งสร้อย แหวน กำไลขาย ช่วงนั้นสามีเป็นนักข่าวประจำรัฐสภา ทำให้มีออเดอร์จากเพื่อนๆ และข้าราชการ รายได้ตกเดือนละ 2,000-3,000 บาท" วารินทร์ บอก
พร้อมเล่าอีกว่าแม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นแต่เมื่อยังไม่มีประสบการณ์และไม่มีเงินลงทุน เธอจึงหันไปยึดอาชีพขายตรง ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม อยู่ระยะหนึ่งทำให้เหินห่างจากการทำเครื่องประดับ แต่พอลูกทั้งสองเข้าโรงเรียนทำให้มีเวลาว่าง เธอจึงไปทำงานที่สหกรณ์บางลำภูในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
"เห็นแม่ค้าที่ขายของรอบๆ สหกรณ์ร้อยสร้อยลูกปัดแก้วญี่ปุ่นจึงสนใจ ให้เขาแนะนำการร้อยให้ หัดอยู่ 2-3 วันก็ขึ้นเส้นได้ จากนั้นก็นำกลับไปทำที่บ้านช่วงแรกๆ วันหนึ่งจะร้อยได้เส้นเดียว เมื่อใส่ตะขอใส่ห่วงแล้วจะดูสวยงาม ยิ่งถ้าเป็นลูกปัดสีทองจะสวยมาก" วารินทร์ แจงและว่า เมื่อเสร็จก็จะขายให้ญาติและคนรู้จัก ถ้าเป็นลูกปัดสีทองยาว 22 นิ้ว เส้นละ 700 บาท ยาว 15 นิ้ว 500 บาท และลูกปัดธรรมดา 100 บาท ทำให้มีออเดอร์เข้ามาพอสมควร
เธอเสริมอีกว่ายิ่งช่วงที่ผ่านมาจตุคามรามเทพฟีเวอร์ สามีจึงได้นำเสนอขายบนอินเทอร์เน็ตตามเวบไซต์ต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้ตกเดือนละ 5,000-6,000 บาท พร้อมยังได้นำไปเสนอกับร้านที่ขายเครื่องประดับตามห้างสรรพสินค้าด้วย
"เมื่อคนให้ความสนใจกันมาก จึงมีคนถักมากขึ้น ทำให้ลูกปัดแก้วญี่ปุ่นขาดตลาด เราจึงหาลูกปัดแบบอื่นมาทำแทน ทั้งสร้อยพระ สร้อยจตุคามฯ แหวน กำไล ต่างหู สร้อยหินสีแฟชั่น โดยไปซื้อวัตถุดิบที่สำเพ็ง วังบูรพา และสวนจตุจักร ขณะที่สไตล์ก็จะศึกษาจากหนังสือแฟชั่น และเวบไซต์เกี่ยวกับเครื่องประดับที่สามีรวบรวมไว้"
เมื่อจตุคามรามเทพหายฟีเวอร์ก็ยังคงรับร้อยลูกปัดเรื่อยมาแม้นว่ารายได้จะลดลงไปบ้าง มาช่วงนี้มีกระแสข่าว"ลูกปัดสุริยเทพ" ถูกโจรกรรมไปจากงานแสดงที่ อาคารนิทรรศการหมุนเวียน สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม อาจะทำให้ความนิยมในการใส่เครื่องประดับที่ทำจากลูกปัดแก้ญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและทองแพงเช่นนี้ก็สามารถใส่แทนไปก่อนได้
"การทำเครื่องประดับขาย นอกจากตัวเองมีความสุขแล้ว ยังทำให้คนที่ซื้อไปใส่มีความสุขด้วย" นั่นเป็นคติประจำใจที่"วารินทร์" ยึดเหนี่ยว แต่หากท่านใดสนใจงานฝีมือของเธอ ซึ่งทุกชิ้นการันตีแฮนด์เมด กริ๊งกร๊างไปได้ที่ 086-8997-351, 08-1558-3865 หรือติดต่อโดยตรงที่ 65/76 หมู่ 2 ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น