วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552

หรือลูกปัดสุริยเทพจะกลายเป็นของสะสมยอดฮิตสำหรับคุณชายตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) สำหรับคุณผู้หญิงไปแล้ว

ณ วินาทีนี้บรรดาเครื่องประดับหรือของสะสมคงจะไม่ฮิตเท่ากับ “ลูกปัดสุริยเทพ” ที่ถูกโจรกรรมไปจากงานแสดงที่ อาคารนิทรรศการหมุนเวียน สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
แต่จะการดูกล้องวงจรปิดของตำรวจแล้วน่าจะเป็นนักสะสมของเก่าและคงไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชายอย่างแน่นอน จึงทำให้เกิดความคิดว่า “ลูกปัดสุริยเทพ” จะกลายเป็นของสะสมที่นิยมสำหรับคุณชายไปแล้วหรืออย่างไร ในขณะที่ตุ๊กตาบลายธ์(Blythe) กำลังเป็นของสะสมยอดฮิตสำหรับคุณผู้หญิงและราคาขณะนี้ก็ใกล้เคียงกัน
และเมื่อพิจารณาจากรูปลักษณะของสะสมทั้งสองอย่างนี้แล้วก็มีลักษณะที่คล้ายกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตา “ลูกปัดสุริยเทพ” นั้นเจ้าของลูกปัดที่หายไปคือ โดย นพ.บัญชา พงษ์พานิช ได้กล่าวไว้คอลัมน์ (แกะ) รอยลูกปัด ๑ สุริยเทพที่คลองท่อม ทางหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมานี้เอง บอกว่า “ลูกปัดสุริยเทพ” มีรายงานการค้นพบที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เท่านั้น เป็นลูกปัดแบนกลม หน้าคนตาโตปากเม้มเป็นเส้นตรง ในวงเส้นประสีดำพร้อมกับมีเส้นรัศมีรอบนี้
แรกพบที่ คลองท่อม ก็เรียกชื่อกันตรงไปตรงมา ว่า "ลูกปัดหน้าคน" แต่เมื่อดูกันไปมาและมีพบเรื่อยๆ นับสิบเม็ดพร้อมกับการพบสิ่งอื่นๆ ที่ล้วนแต่แปลกตา ทำให้ใครๆ พากันจินตนาการจนออกมาอย่างหาที่มาไม่ได้ นอกจากคำอธิบาย ว่าเพราะเหมือนขนนกที่คนเผ่าอินเดียนแดงนิยมใส่ประดับศีรษะจึงพากันเรียกว่า "หน้าอินเดียนแดง" อยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะได้ชื่อใหม่ที่ใช้ในทุกวันนี้ว่า "สุริยเทพ"
เท่าที่เล่ากันก็ไม่ทราบเช่นกันว่าใครเป็นคนเริ่มเรียกชื่อนี้ มีแต่คำอธิบายขยายความว่าเป็นหน้าคนในดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดแสง พร้อมกับเท้าความยาวไปถึงดินแดนโบราณอย่างมายา และอินคา ในทวีปอเมริกา ที่นิยมมีเทพสุริยะหรือสุริยเทพ (Sun God) เป็นเทพสำคัญ จนกระทั่งถึงอียิปต์โบราณที่นิยมบูชาเทพอาเท็น (Aten) หรือพระอาทิตย์ นี้เช่นกันสุริยเทพ ที่คลองท่อมนี้ ทำจากแก้วด้วยวิธีโมเสค (Mosaic Technique) คือเอาแก้วสีขาวและสีดำมาเรียงเป็นรูปใบหน้า ตา ปาก จุด และเส้นรัศมีแล้วหลอมด้วยความร้อนจนอ่อน จึงดึงยืดเป็นท่อนยาวที่มีรูปหน้าตัดเป็นใบหน้าคนยาวตลอดความยาวของท่อน ก่อนจะตัดเป็นแว่นๆ แล้วเจาะรูสำหรับร้อย
แต่ละเม็ดจึงมีรูปหน้าคล้ายกันหากตัดจากท่อนแก้วเดียวกัน ส่วนสีแดงและเขียวที่เหมือนเคลือบอยู่อีกชั้นหนึ่งนั้น ยังไม่มีการศึกษารายงานว่าทำด้วยวิธีใด แต่ถึงขณะนี้ปริศนาใหญ่ในโลกนี้อยู่ที่ยังไม่เคยมีรายงานการพบ “ลูกปัดสุริยเทพ” แบบนี้ที่ไหนอีกเลย นอกจากที่คลองท่อมแห่งเดียวเท่านั้น มีจำนวนหลายสิบเม็ดจึงยังไม่สามารถศึกษาเทียบเคียงกับสิ่งใดนอกจากลูกปัดหน้าคนแบบอื่นซึ่งมีพบของสมัยโรมัน เมโสโปเตเมีย และอัฟกานิสถานโบราณ
ขณะเดียวกัน ตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) มีลักษณะโดดเด่นที่ตาโตเช่นเดียวกัน เป็นที่นิยมสะสมของหมู่ดาราและไฮโซทั้งหลายแม้นจะมีราคาสูงถึง 6 หลักเช่นเดียวกันก็ตาม ซึ่งนิตยสาร OHO รวบรวมนักสะสมตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) เอาไว้ ผู้ที่มีมากที่สุดเป็นจะเป็นนักสะสมคนแรกๆคือ”ชมพู”อารยา เอ ฮาร์เก็ต มีร้อยตัวกว่าแล้วขณะเดียวกันก็ได้เปิดร้านจำหน่ายด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะรวยได้ถึงไหนเน้อ...อิอิ
รองลงมาก็คือ”เก๋”ชลลดา เมฆราตรี มี 35 ตัว “เอมมี่”มรกต กิตติสาระ 11 ตัว “เมย์”อรวรรษา ฐานวิเศษ 3 ตัว ขณะที่ ”นุ่น”วรนุช วงษ์สวรรค์ และแก้ม เดอะสตาร์ มีคนละตัว แต่ความจริงแล้วดาราและไฮโซก็มีหลายคนแล้วเน้อ
ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าตำรวจจะสามารถตามหาตัวคนร้ายโจรกรรม“ลูกปัดสุริยเทพ” ไปจากงานแสดงที่ อาคารนิทรรศการหมุนเวียน สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยามได้หรือไม่
หรือว่าเป็นการสร้างกระแสโปรโมทหนังสือที่มีการจัดพิมพ์เรื่องลูกปัดและกำลังมีการสั่งจองกันอยู่ขณะนี้ ถ้าไม่มีเจตนาก็ต้องขออภัยด้วย อาจจะมองด้วยวิจิกิจฉามากเกินไป ซึ่งก็ต้องขออนุโมทนาด้วย
แต่ถ้าหากใช่ก็ต้องบอกว่าคนวางแผนประกอบด้วยอกุศลจิตโดยแท้ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสงสัยเท่านั้น และกระแส “ลูกปัดสุริยเทพ” จะฮิตสู้ความนิยมในตัวตุ๊กตาบบลายธ์ (Blythe) ได้หรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google