วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทัพพม่าเสริมกำลังกว่า10กองพันกดดันไทใหญ่เหนือ

เว็บไซต์ Khonkhurtai รายงานเมื่อวันที่ มีนาคมนี้ว่า กองทัพพม่าส่งกำลังกว่า 10 กองพันเข้ากดดันกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" เผยสถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด ขณะที่ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนหนักจากราคาสินค้าแพงหลังทหารพม่าปิดเส้นทาง.....

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" Shan State Army 'North' เปิดเผยว่า ขณะนี้รอบพื้นที่เคลื่อนไหวกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" ซึ่งมีตั้งกองบัญชาการใหญ่อยู่บ้านไฮ เขตเมืองเกซี ในรัฐฉานภาคเหนือ มีกำลังทหารพม่าถูกส่งเข้าไปเคลื่อนไหวไม่ต่ำกว่า 10 กองพัน และมีกำลังทหารรวมไม่ต่ำกว่า 1 พันนาย นอกจากยังมีกองพันปืนใหญ่และหน่วยยานเกราะรวมอยู่ด้วย

เจ้าหน้าที่ SSA "North' กล่าวว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์จะดูค่อนข้างตึงเครียด แต่ในส่วนของกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" ยังคงยึดแนวทางสันติอย่างที่เคยเป็นมา แต่หากเมื่อใดทหารพม่าเปิดศึกใช้กำลังปราบปราม ทาง SSA 'North' ก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเองและขณะนี้ก็มีการเตรียมพร้อมรับมืออยู่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ SSA 'North' คนเดิมยังได้เปิดเผยถึงกรณีกองทัพพม่าปิดเส้นทางเข้าออกพื้นที่ของ SSA 'North' ว่า ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตราษฎรในพื้นที่อย่างมาก ซึ่งไม่สามารถทำมาค้าขายได้ อีกทั้งพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ก็ไม่สามารถส่งออกขายนอกพื้นที่ ขณะที่นักเรียน นักศึกษาที่ไปศึกษาอยู่ต่างเมือง ก็ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้

ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2554 ที่ผ่านมา กองทัพรัฐบาลทหารพม่าได้มีคำสั่งปิดเส้นทางรถยนต์ทุกเส้นทางที่เข้าสู่เขต พื้นที่บ้านไฮ ของเมืองเกซี (รัฐฉานภาคเหนือ) ซึ่งเป็นที่ตั้งกองบัญชาการใหญ่กองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" SSA 'North' อดีตกองกำลังหยุดยิงที่ปฏิเสธจัดตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดน (BGF) ใต้กำกับของรัฐบาลทหารพม่า โดยเส้นทางที่ถูกปิดคือ เส้นทางสายเมืองหนอง - เมืองต้างยาน และเส้นทางสายเมืองเกซี – เมืองสู้ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมเมืองทั้งสี่ด้าน

อย่างไรก็ตาม การปิดเส้นทางของทหารพม่ายังส่งผลให้ราคาสินค้า โดยเฉพาะข้าวสารพุ่งสูงขึ้น ก่อนหน้านี้ราคาข้าวสารตกกระสอบละ 5 หมื่นจั๊ต ขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 6 หมื่นจั๊ต นอกจากนี้ค่าเหมารถเดินทางก็พุ่งถึง 1 เท่าตัว โดยก่อนหน้านี้การเดินทางจากเมืองล่าเสี้ยว – เมืองสู้ อยู่ที่ประมาณ 12,500 จั๊ต แต่เดี๋ยวนี้ต้องจ่ายถึง 25,000 จั๊ต แถมยังต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 12 ชั่วโมง เนื่องจากต้องใช้เส้นทางอ้อม

ขณะที่มีรายงานว่า ประชาชนในพื้นที่เมืองสู้ อยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านไฮ ต่างอยู่กันอย่างหวาดผวาและไม่กล้าให้บุตรหลานที่เป็นผู้หญิงออกบ้านในยามค่ำคืน เหตุเนื่องจากมีการพูดกันอย่างหนาหูถึงกรณีที่มีทหารพม่าหลายนายพูดว่า ทหารพม่าไม่ต้องการกำลังพล หรือ อาวุธของกองกำลังไทใหญ่ "เหนือ" หากแต่ต้องการเพียงควบคุมพื้นที่และต้องการหญิงไทใหญ่เท่านั้น

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ทหารพม่าจากฐานเมืองเต๊าะ อยู่ตรงข้ามบ้านหลักแต่ง ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ได้ใช้ปืนค.120 มม. ยิงใส่ฐานทหารกองกำลังไทใหญ่ SSA ฐานดอยดำ ซึ่งอยู่กับติดชายแดนไทย จำนวน 5 – 6 ลูก แต่ไม่ได้สร้างความสูญเสียให้กับฝ่าย SSA เนื่องจากกระสุนไม่ได้ตกลงในฐาน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ฐานทหารพม่าเมืองเต๊าะ ได้ส่งกำลังทหารเดินลัดเลาะตามสันเขาเพื่อเข้าโจมตีฐานของกองกำลังไทใหญ่ SSA บนดอยดำ แต่ได้ถูกทหาร SSA ที่ประจำอยู่แนวหน้าซุ่มโจมตีและเป็นเหตุให้ทั้งฝ่ายปะทะกันอย่างประปรายนานกว่า 2 โมง จากนั้นฝ่ายทหารพม่าได้ถอยกลับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานการสูญเสียของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การยิงถล่มฐานทหาร SSA ของทหารพม่าครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ หน่วยลาดตระเวนกองกำลังไทใหญ่ SSA ได้บุกเข้าโจมตีทหารพม่าไม่ทราบจำนวน หน่วยคุ้มกันการก่อสร้างเส้นทางสังกัดกองพันทหารราบเบาที่ 328 ฐานประจำเมืองทา จุดเกิดเหตุอยู่ตรงบริเวณใกล้กับบ้านกองทีวี ทางทิศตะวันตกของเมืองทา (กิ่งอำเภอใหม่) ห่างจากชายแดนไทยด้านตรงข้ามอ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ประมาณ 44 กม. ทำให้ฝ่ายทหารพม่าเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย

มีงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2554 รองผบ.ควบคุมยุทธการทหารพม่า ประจำเมืองสาด พร้อมด้วยทหารอารักขาประมาณ 30 นาย ได้เกณฑ์รถยนต์ชาวบ้านในอำเภอเมืองโต๋น 7 – 8 คัน ไปบรรทุกชาวบ้านกว่า 200 คน จากบ้านกองมู (ตรงข้ามบ้านอรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่) ไปยังเมืองทา เมืองที่ตั้งกิ่งอำเภอใหม่ เพื่อเตรียมร่วมพิธีเปิดการตั้งกิ่งอำเภอใหม่อีกครั้ง หลังจากพิธีเปิดที่มีกำหนดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ต้องล้มเลิก เนื่องจากมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงถล่มใส่ฐานทหารพม่าที่เมืองทา อย่างไรก็ตามพิธีเปิดการตั้งกิ่งอำเภอใหม่ยังไม่มีการเปิดเผยวันที่ชัดเจน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google