วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

โอ้ย.....แม่ก็บ้า..พ่อก็เป็นโรคประสาทแล้วลูกหละ

พ่อ "ดาว มยุรี" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ถูกหนุ่มสติไม่สมประกอบรำอีโต้ฟันคอขาดกระเด็นไกล 3 เมตร นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้อำนวยการสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ย่านงามวงศ์วาน ถูกแม่และพี่ชายส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ทั้ง ๆ ที่เคยปฏิบัติธรรม
โรงพยาบาลโรคจิตก็มีคนป่วยเพิ่มขึ้นทุกวันเป็นเพราะอะไร กรรมพันธุ์หรือสังคมเป็นตัวบีบ แล้วรู้สึกของญาติของผู้ป่วยโรคจิตหละเป็นอย่างไร
ขอนำประสบการณ์ของบุคคลคนหนึ่งที่ แม่ถูกพ่อพาไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา กทม.ทั้งแต่เขายังเด็ก เพราะแม่คลอดน้องตกเลือด หรือที่เขาเรียกว่าบ้าเลือด เขาต้องอยู่กับญาติและดูแลน้องเป็นแรมปี โดยพ่อปล่อยอาศรัยอยู่กับญาติ พ่อก็เทียวไปกลับระหวังจังหวัดเพชรบูรณ์กับ กทม. ไม่ได้มีเวลาดูแลลูกมากหนัก ลองนึกดูว่าเด็กที่อาศรัยอยู่บ้านของคนอื่นจะเป็นอย่างไร คงได้รับความอบอุ่นมากๆๆๆๆ
แม่หายดีกลับบ้านไม่นานก็มีน้องก็ตกเลือดอีก พ่อก็ต้องพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเช่นเดิม เพราะพิษของโรคเลือดส่งผลให้แม่มีสภาพจิตที่ย่ำแย่ และสติก็ไม่สมบูรณ์นัก ส่วนพ่อเองก็เครียดกินเหล้า นาน ๆ ไปก็ติดเหล้า มีปัญหาทั้งครอบครัว และภายนอก ในที่สุดก็ถูกกล่าวหาว่าฆ่าคน ต้องหนีคดี ครอบครัวก็แตกแยก ทั้งเขาน้องและแม่ต้องตกเป็นภาระของญาติเช่นเดิม
หลวงปู่ที่จังหวัดพิจิตรทราบข่าวสงสารจึงได้พาเขาและน้องไปเป็นเด็กวัดเรียนหนังสือ เวลาผ่านไปนานเป็นปีพ่อก็มาเยี่ยมและพาน้องคนเล็กมาด้วย หลวงทนเห็นสภาพไม่ไหวจึงได้กล่อมให้พ่อบวชตั้งปี 2518 เป็นต้นมา ส่วนแม่มีผัวใหม่
เขาได้เป็นเด็กวัดเรียนหนังสือจนจบปี 4 จะเรียนต่อหลวงไม่มีเงินส่งจึงให้บวชเรียน โดยยึดคนสอนของพ่อที่ว่า "พ่อไม่มีที่ดินไร่นาถ้าอยากดีต้องเรียนหนังสือ" เณรน้อยทำตามเรียนทุกอย่างที่สามารถเรียนได้ โชคดีที่มีญาติที่บวชเป็นพระที่กรุงเทพฯ หลวงปู่จึงส่งให้มาเรียนหนังสือด้วย จนสามารจบนักธรรมเอก เปรียญธรรม 5 ประโยค และพุทธศาสตร์บัณฑิต เอกปรัชญา
เวลาผ่านไปนานหลายปี เแม้นเณรรูปนั้นจะเรียนหนังสืออยู่ก็ได้ติดตามข่าวของแม่อยู่ตลอดเวลาอยู่ที่ใด และพยายามตามหา ในที่สุดก็พบจึงได้พามาอยู่ด้วยที่วัดกรุงเทพฯ ช่วงนั้นแม่เองก็ป่วยนอกจากสภาพจิตที่ไม่สมบูรณ์เท่าใดนักแล้ว ยังเป็นโรคม้ามโต ต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ต้องเสียเงินค่ารักษาพอสมควร ดีที่ทางโรงพยาบาลมีแผนกสังคมสงเคราะห์ จึงได้เข้าไปขอความช่วยเหลือ จึงทำเณรสามารถจ่ายค่ารักษาแม่ตามกำลัง แม่ของเณรป่วยอยู่ประมาณ 4 ปี สภาพไม่ดีขึ้นในที่สุดก็เสียชีวิตลง เณรได้แต่รำพึงในใจว่า "แม่อยู่ด้วยน้อยไป"
ส่วนหลวงพ่อนั้น เณรก็นิมนต์มาจำพรรษาด้วยที่กรุงเทพฯ และระยะหลังหลวงพ่อเองต้องฉันยาระงับประสาทมาตลอด ไม่เช่นนั้นจะมีอาการหวาดระแวงถึงขึ้นเก็บมีไว้บนหัวนอน เมื่อปีที่แล้วหลวงพ่อของเณรได้ฉันยาเกินขนาดเพราะต้องการจะปฏิบัติตนให้ได้ตามกฎของวัดช่วงที่มีการเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ ฤทธิ์ยาทำให้หลวงพ่อช็อกต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา
ลองนึกดูว่าสภาพจิตของเณรรูปนี้ภายหลังได้บวชเป็นพระ แล้วก็สึกออกทำงานตามวิถีทางโลก จะมีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้หล่อหลอมจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนาแล้ว คงไม่มีกำลังที่จะทำงานเสียภาษีให้รัฐ ปล่อยให้นักการเมืองชั่ว ๆ ฉ้อโกงจนร่ำรวย ขณะทำงานก็ถูกเพื่อนร่วมงานเอาเปลียน เขาก็ได้แต่นึกว่าคงเป็นสภาพของสังคม เขาได้แต่รำพึงในใจว่า "สู้เท่านั้นถึงจะอยู่รอด"
ส่วนของสังคมเองควรจะมีส่วนช่วย แต่ถ้าไม่ช่วยแล้วอย่าได้ซ้ำเติมคนที่เป็นโรคจิตไม่เช่นั้นแล้วคนโรคจิตจะย้อนกลับมาทำร้ายท่าน ............

วันศุกร์ ที่ 16 มีนาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google