กรณีที่ น.พ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบัน “แอพพลายด์ฟิสิกส์” ถูกมารดา พี่ชายและภรรยา นำตัวเข้ารักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ แต่ถูกเพื่อนหญิงเข้าแจ้งความกับตำรวจสน.ประชาชื่นว่า น.พ.ประกิตเผ่า ถูกหลอกให้เข้ารับรักษาตัวและถูกฉีดยาทุกวัน หากปล่อยไว้นานอาจจะเป็นโรคจิตจริงก็ได้ จนเป็นข่าวใหญ่โตขณะนี้
วันนี้ (27ก.พ.) น.พ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา น.พ.สุจริต สุวรรณชีพ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต พร้อมด้วย น.พ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ พี่ชาย น.พ.ประกิตเผ่า เปิดแถลงข่าว ระบุถึงอาการของน.พ.ประกิตเผ่าว่า
"ผู้ป่วยมีอาการซึม หวาดระแวง คิดว่าตัวเองมีอิทธิฤทธิ์ มีเวทมนต์อำนาจพิเศษที่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ และที่ผ่านมาตัวเองถูกคุณไสย์จึงเกิดอาการหวาดกลัวคนจะมาทำร้าย พกพาอาวุธปืนสะสมปืนถึง 50 กระบอก สวมเสื้อเกราะ จึงเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วย ญาติ และบุคคลอื่น คาดว่าจะสามารถรักษา น.พ.ประกิตเผ่าให้หายได้ อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 30 วัน จะหายได้ประมาณร้อยละ 70-80 ยืนยันว่าการรักษาผู้ป่วยเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการยึดเกณฑ์องค์การอนามัยโลกและสหรัฐอเมริกา"
ผลของคดีและผลการรักษาจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของวิชาชีพนั้นๆ แต่มีประเด็นที่น่าจะวิเคราะห์คือ หาก น.พ.ประกิตเผ่า มีอิทธิฤทธิ์ มีเวทมนต์อำนาจพิเศษจริง จะมีโอกาสเป็นโรคประสาทหรือเป็นบ้าได้หรือไม่
"อิทธิฤทธิ์-เวทมนต์" นั้นจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่ฝึกจิตที่เรียกว่า "ฝึกสมาธิ" ถึงขั้นหนึ่ง ทางพระได้แบ่งการฝึกจิตไว้ 2 ทางคือ "สมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรม"
วิธีการฝึกจิตแบบสมถกรรมฐานจนเกิดสมาธิจนได้ฌาณขั้นหนึ่งถึงจะสามารถมี "อิทธิฤทธิ์-เวทมนต์" ได้ แต่ถ้าไม่สติสติกำกับให้ดีแล้วก็เกิดอาการหลงและมีสิทธิ์เป็น "บ้า" ได้เช่นกัน สำหรับ "วิปัสสนากรรมฐาน" ไม่มีความสามารถเช่นนี้แต่จะมีสติสามารถควบคุมอารมณ์ที่เข้ามาได้ "รู้ชั่ว-รู้ดี" ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงสนับสนุนให้สาวกของพระองค์ฝึกจิตแบบ "วิปัสสนากรรมฐาน" เจริญ "สติปัฏฐาน" 4 คือ การเคลื่อนไหวของร่างกาย อาการเจ็บปวด ภาวะที่เกิดทางจิต ภาวธรรมต่าง ๆ มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ
นี้คือความเข้าใจที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากออกจากวัดมานานครับ เชิญท่านผู้รู้มาแลกเปลี่ยนความรู้ในประเด็นนี้กันครับ
วันพุธ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น