ติดตามข่าวกรณีสถานีโทรทัศน์ไอทีวีที่ผิดสัญญากับรัฐ ไม่ยอมจ่ายค่าสัมปทานกว่าแสนล้านบาท ดูเหมือนผู้บริหารจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ปล่อยรายได้ที่รัฐจะพึงได้สูญ ส่วนพนังงานไอทีวีเองก็ได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครอง ด้วยข้ออ้างเพียงต้องการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน
ขณะเดียวกันได้ติดตามการสอบบรรจุเข้าทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ละแห่งจะมีผู้ไปสอบมากเป็นแสนคน ทั้งที่บางแห่งรับบรรจุได้ไม่ถึง 10 ตำแหน่ง นอกจากนี้ก็มีข่าวตามมาคือการทุจริตสอบ เรียกเงินใต้โต๊ะ
พร้อมกันนี้พวกที่สอบบรรจุได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ นานา ที่สำคัญคือระเบียบที่ออกจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่รับผิดชอบ อปท. จนเป็นเรื่องร้องต่อศาลปกครองเช่นเดียวกัน แต่พวกเธอไม่ได้รับการคุ้มครองจากศาลปกครองเฉกเช่นพนักงานไอทีวี หรือเป็นเพราะพวกเธอไม่มีพลังไม่มีสื่อที่จะนำเสนอต่อสาธารณชน
(เข้าร้องทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล)
(รวมพลก่อน)
ต่อไปนี้เป็นความรู้สึกของผู้ที่สอบบรรจุเข้าทำงานใน อปท.แห่งหนึ่งได้ แต่ไม่ได้เรียกบรรจุจึงต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแต่ไม่ได้รับการคุ้มครองที่ผ่านมา ดังนี้
"เนื่องจากข้าพเจ้ากับพวกจำนวน 2,362 คน สอบติดที่เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีตำแหน่งต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 15 ตำแหน่ง แต่ข้าพเจ้ากับพวกก็ไม่สามารถเข้ารับการบรรจุแต่งตั้งได้ เพราะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ออกหนังสือวิทยุ ด่วนที่สุด ที่ มท 0809.2/ว3 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ออกมา โดยหนังสือวิทยุฉบับนี้ ได้สั่งห้ามใช้บัญชีข้ามจังหวัด โดยสร้างเงื่อนไขไว้ว่า หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่ดำเนินการไว้ก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ก็ให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ซึ่งเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนได้ดำเนินการไว้ก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเข้ารับการบรรจุแต่งตั้งได้อยู่ดี
เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ในวันที่ 1 ธันวาคม 2548 โดยสอบแข่งขันในวันที่ 11 – 12 มีนาคม 2549 และประกาศผลการสอบแข่งขัน ในวันที่ 10 เมษายน 2549 ซึ่งได้กำหนดวันสอบแข่งขันก่อนที่จะมีหนังสือวิทยุ ด่วนที่สุด ที่ มท 0809.2/ว3 ที่สั่งห้าม ใช้บัญชีข้ามจังหวัดฉบับนี้ออกมา แต่เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ได้รับหนังสือวิทยุฉบับนี้ ในวันที่ 6 มีนาคม 2549 ในเวลา 16.30 น. ซึ่งถ้านับระยะเวลาตั้งแต่วันที่เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนได้รับหนังสือวิทยุของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นถึงวันที่สอบแข่งขัน เป็นระยะเวลาเพียงแค่ 4 วัน เท่านั้น
เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนจึงไม่สามารถแจ้งให้ผู้เข้ารับการสอบแข่งขันที่มีจำนวนทั้งสิ้น 10,000 คนกว่า ทราบได้ทัน เพราะต้องใช้ระยะเวลาเป็นอาทิตย์ ๆ จึงจะแจ้งให้ผู้เข้ารับการสอบแข่งขันทราบได้ครบ ดังนั้น ข้าพเจ้ากับเพื่อน ๆ จึงไม่ได้รับทราบถึงการกำหนดเงื่อนไขใหม่ว่าห้ามใช้บัญชีข้ามจังหวัด จึงได้เดินทางมาสอบแข่งขัน ตามประกาศการรับสมัครสอบแข่งขัน ของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเดิมที่คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ หากข้าพเจ้ากับพวกได้รับทราบมาก่อนว่าเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนใช้บัญชีข้ามจังหวัดไม่ได้ ก็จะไม่ต้องมาดำเนินการสอบแข่งขัน พร้อมทั้งจะได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากภาคต่าง ๆ มาดำเนินการสอบแข่งขัน
การเปิดสอบของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ได้ปฏิบัติไว้อย่างถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น) เป็นผู้กำหนด โดยได้ประกาศกำหนดไว้ว่า หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดดำเนินการเปิดสอบ ก็ให้ประกาศรับสมัครสอบไว้เป็นรายภาค การประกาศเป็นรายภาค หมายถึง การใช้บัญชีข้ามจังหวัดตามรายภาคต่าง ๆ ได้ ซึ่งผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เปิดสอบนั้น จะต้องอยู่ในจำนวนอัตราที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งนั้นเป็นผู้กำหนด แล้วลำดับถัดไปก็ขึ้นบัญชีไว้ เป็นระยะเวลา 2 ปีโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น สามารถขอใช้บัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เปิดสอบดังกล่าวได้
เดือนตุลาคม 2548 เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนจะดำเนินการเปิดสอบแข่งขัน โดยได้ขออนุมัติการเปิดสอบจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ.จังหวัดกาญจนบุรี) ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงได้รายงานไปยังคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เมื่อกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับทราบถึงการเปิดสอบของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมชี้แจงให้เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนได้รับทราบว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่ กล่าวคือ ถ้าเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน จะดำเนินการ เปิดสอบแข่งขัน ก็ให้ทำประกาศไว้ว่า ไม่ให้ใช้บัญชีข้ามจังหวัด
หากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ประกาศกำหนดไว้ก่อนวันที่เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนจะดำเนินการประกาศรับสมัครสอบ ข้าพเจ้ากับพวกอีก 2,362 คน ก็คงจะไม่เสียสิทธิแต่อย่างใด และระยะเวลาในการขึ้นบัญชีของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ก็จะครบ 2 ปีแล้ว ก็ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเลยสักนิด ข้าพเจ้ากับพวกได้ทำความผิดประการใด กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงได้มาละเมิดสิทธิของข้าพเจ้ากับพวกถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิที่ได้มาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และความถูกต้อง แต่ก็กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็ได้ประเมินค่าไปในทางทุจริต เนื่องจาก ใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์ว่าผู้ที่สอบแข่งขันได้จะต้องมาจากการทุจริตเท่านั้น คำสั่งของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นฉบับนี้ ออกมาโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความเสียหาย ที่บังเกิดขึ้นในภายหลัง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ออกหนังสือวิทยุ ด่วนที่สุด ที่ มท 0809.2/ว3 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ที่สั่งห้ามใช้บัญชีข้ามจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการทุจริตออกมา แล้วให้มีผลประกาศบังคับใช้ทันที ซึ่งคำสั่งของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นฉบับนี้ ก็มิชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เพราะมาตรฐานกลาง (ก.ถ.) ยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแต่อย่างใด หากแม้จะเป็นการป้องกันการทุจริต ก็มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น เพราะกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้กล่าวอ้างว่า ในปี 2547 ได้ตรวจสอบพบการทุจริตขึ้น จึงได้ออกคำสั่งนี้ เพื่อป้องกันการทุจริต แต่ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2547 – 2549 ก็ได้ล่วงเลยมากว่า 2 ปีแล้ว ในเมื่อตรวจพบการทุจริต เหตุใดจึงไม่
ดำเนินการสั่งห้ามใช้บัญชีข้ามจังหวัด ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา หากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้พิจารณาว่า เป็นกรณีเร่งด่วน และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งแล้วได้มาดำเนินการอะไร ในปี 2549 นี้ ซึ่งความล่าช้าในการปฏิบัติงานของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในครั้งนี้ ทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อประชาชนอย่างร้ายแรง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ก็ยังได้มีคำสั่งออกมาอีกว่า ให้คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ.จังหวัด) แต่ละจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีการทุจริต แต่อย่างใดหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ไม่พบการทุจริต และเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนก็ได้ดำเนินการไว้ก่อนวัน ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว ซึ่งจากการพิจารณา เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนก็มิน่าจัดอยู่ในหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใหม่นี้ แต่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็ยังไม่แจ้ง หรือดำเนินการใดๆ เพื่อเป็นการยืนยันตามคำสั่งดังกล่าวว่า เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน สามารถใช้บัญชีข้ามจังหวัดได้ แล้วกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นยังคงต้องการสิ่งใด นอกเหนือจากคำสั่งดังกล่าวนี้ การกระทำของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เสมือนเป็นการกลั่นแกล้งประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อน และความเสียหายอย่างถึงที่สุด
คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ได้เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ ว่าห้ามใช้บัญชีข้ามจังหวัด เหตุใดกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่นจึงมิอาจชี้แจงในคำสั่งดังกล่าวได้ว่า เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนอยู่ในหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขใหม่นี้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้าพเจ้ากับพวกก็มิอาจเข้าใจในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเป็นอย่างมาก เนื่องจาก คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ. จังหวัดกาญจนบุรี)ได้หารือไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่าเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนใช้บัญชีข้ามจังหวัดได้ไหม แต่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กลับเพิกเฉย ไม่ตอบข้อหารือแต่อย่างใด
ซึ่งในการนี้ทำให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อข้าพเจ้ากับพวกเป็นอย่างมาก เพราะคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ. จังหวัด) หลายจังหวัด ก็ยังคงยืนยันในคำสั่งของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพราะเกรงว่าจะไปขัดแย้งกับคำสั่งของคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) และขณะเดียวกัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ข้าพเจ้ากับพวกจะเข้าไปรับการบรรจุแต่งตั้งนั้น ก็มิอาจสามารถรอรับการบรรจุแต่งตั้งข้าพเจ้ากับพวกได้ เนื่องจากขาดบุคลากรในการปฏิบัติราชการผู้สอบแข่งขันได้ ของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ซึ่งมีทั้งสิ้น 2,362 คน มีผู้ที่ได้รับ การบรรจุแต่งตั้งตามรายภาคต่าง ๆ แล้ว จำนวน 437 คน
โดยคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ. จังหวัด) นั้น ยอมรับการใช้บัญชีของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน ซึ่งตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข กำหนดไว้ว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดให้มีทะเบียนประวัติของพนักงานจำนวน 3 ฉบับ โดยจัดเก็บไว้ที่เทศบาล จำนวน1 ฉบับ , คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ. จังหวัด) จำนวน 1 ฉบับ และส่งให้ คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท. หรือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เก็บไว้ จำนวน 1 ฉบับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุใดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงไม่คัดค้านในการเข้ารับการบรรจุแต่งตั้งจากการใช้บัญชีของเทศบาลตำบล แก่งเสี้ยน
หากเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนใช้บัญชีไม่ได้ ซึ่งในการนี้หากได้พิจารณาแล้วว่า เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนใช้บัญชีข้ามจังหวัดไม่ได้ ผู้ที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งไปแล้วจำนวน 437 คน ก็ต้องออกจากราชการ ไปโดยปริยาย และบางกรณีก็ขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ เพื่อรับการบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานเทศบาลสามัญ แต่ก็ไม่สามารถเข้ารับการบรรจุแต่งตั้งได้ เนื่องจากเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด (ก.ท.จ. จังหวัด) แล้ว แต่ได้พิจารณาว่าใช้บัญชีไม่ได้ ซึ่งมีหลายจังหวัดที่ไม่ยอมรับการใช้บัญชีของเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนบางกรณีก็เข้าประชุมคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดแล้ว แต่เข้าในหลักการไว้ เพื่อรอศาลปกครองพิจารณาว่าสามารถใช้บัญชีได้
และก็นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด(ก.ท.จจังหวัด) เพื่อรับการบรรจุแต่งตั้งอีกครั้ง ซึ่งศาลปกครองกลางก็ได้พิจารณาให้ทุเลาคำสั่งของหนังสือ ด่วนที่สุด ที่มท 0809.2/ว3 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 กล่าวคือ เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนสามารถใช้บัญชีข้ามจังหวัดได้ แต่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ได้พิจารณาให้กลับคำสั่งของศาลปกครองกลาง เป็นคำยกคำขอทุเลา การบังคับตามกฎของผู้ฟ้องคดี ซึ่งย่อมหมายถึง เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนไม่สามารถใช้บัญชีข้ามจังหวัดได้ ข้าพเจ้ากับพวกได้รับความเดือดร้อน และความเสียหายอย่างร้ายแรงกับคำสั่ง ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในครั้งนี้ เนื่องจากผู้สอบแข่งขันได้จำนวนมากได้ลาออกจากงานเดิม เพื่อเข้ารับการบรรจุแต่งตั้ง เพราะสอบได้ลำดับที่ต้น ๆ และคาดว่าถึงอย่างไรก็ได้รับ การบรรจุแต่งตั้งอย่างแน่นอน แต่ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บุคคลดังกล่าวต้องว่างงาน อีกครั้งก็ไม่มีงานใดมารองรับในระหว่างที่ว่างงานอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีฐานะค่อนข้างยากจน
ประกอบกับมีภาระหน้าที่ทางครอบครัว หากไม่มีงานทำ ก็ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะนำมาจุนเจือครอบครัว ให้มีความมั่นคงและอยู่รอดได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ปัญหาต่าง ๆ ก็ได้มากระทบทั้งทางด้านชีวิตความเป็นอยู่ และทางด้านจิตใจของข้าพเจ้ากับพวกเป็นอย่างมาก และผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะมารับผิดชอบกับคำสั่งดังกล่าวนี้ได้หรือไม่
ตามที่คณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) อ้างว่าวิทยุด่วนที่ มท.0809.2/ว3 เป็นมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต และผู้ถูกฟ้องยังได้กล่าวอ้างอีกว่าได้มีการตรวจพบการทุจริตตั้งแต่ปี 2547 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอเรียนว่าการกล่าวอ้างตามวิทยุด่วนดังกล่าวย่อมไม่สามารถรับฟังได้เนื่องจากระยะเวลาได้ผ่านพ้นมากว่า 1 ปี ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณประโยชน์อย่างร้ายแรง และจากการที่เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนได้มีการหารือเกี่ยวกับการเปิดรับสมัครสอบกลางปี 2548 จนได้รับความเห็นชอบให้สามารถทำการประกาศรับสมัครสอบได้ ในเดือนธันวาคม 2548 โดยไม่มีการคัดค้านเพื่อรอให้มีมาตรการการแก้ไขการทุจริตออกมาก่อนนั้น ย่อมทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่าผู้ถูกฟ้องได้เพิกเฉยต่อปัญหาการทุจริตตามที่ได้กล่าวอ้างมาโดยตลอดและได้เลือกปฏิบัติที่ออกมติดังกล่าวมาบังคับใช้กับเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนและ อปท. อีก 12 แห่งที่กำลังทำการเปิดรับสมัครสอบในขณะนั้น โดยเฉพาะวิทยุด่วนดังกล่าวได้ส่งถึงเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนก่อนถึงวันสอบเพียง 4 วันทำการ ซึ่งถ้าเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนมีประกาศเพิ่มเติมย่อมส่งผลให้เกิดความเสียหายด้านสภาพจิตใจของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อองค์กรและการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) กล่าวอ้างว่าการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานฯ ได้ลงนามเพื่อรองรับในมติดังกล่าวล่าช้านั้นเป็นความล่าช้าทางด้านงานธุรการและไม่สามารถมีความเห็นเป็นอย่างอื่นนอกจากลงนามเท่านั้น ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีให้กับรัฐนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ใช้เงินภาษีย่อมมีหน้าที่คุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของประชาชนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นแล้วการกระทำที่ล่าช้าดังกล่าวแล้วส่งผลให้ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนต้องเสียประโยชน์และสิทธิประโยชน์ เจ้าหน้าที่รัฐย่อมมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมิใช่ผลักภาระดังกล่าวให้กับข้าพเจ้าผู้ซึ่งเป็นประชาชน เป็นเจ้าของเงินภาษี และเป็นเจ้าของสิทธิประโยชน์เป็นผู้ต้องรับผิดชอบ
ตามที่คณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) กล่าวอ้างว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเทศบาลตำบลแก่งเสี้ยนไม่ยอมทำประกาศเพิ่มเติมทำให้ผู้สมัครเข้าสอบไม่สามารถรับทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับราชการจนเกิดความยุ่งยากขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและคณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) จะต้องมีหน้าที่ไปไล่เบี้ยหาคนผิดมาลงโทษ มิใช่ให้ผู้ที่สามารถสอบขึ้นบัญชีได้ซึ่งได้ทำตามระเบียบและมีสิทธิตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ในคู่มือการสมัครทุกประการต้องตกเป็นผู้ที่ต้องรับผิดและสูญเสียสิทธิอันพึงมีโดยชอบธรรมนั้นไป ข้อเท็จจริงที่ถูกกระทำ 1. ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึง ปี 2549 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและคณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) ทำอะไรอยู่จึงไม่มีมาตรการออกมาป้องกันจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประชาชน 2. การกล่าวอ้างว่า การกระทำที่ล่าช้าอันเกิดจากระบบราชการจนทำให้เกิดผลเสียต่อประชาชน ทำไมประชาชนจะต้องมีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบการกระทำนั้นด้วย 3. การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ หรือ มติ เป็นเรื่องระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนจะต้องรับทราบ แต่ถ้าส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบจะปัดความรับผิดนั้นให้กับประชาชนมิได้ 4. ปัญหาการเรียกรับสินบนในการสอบบรรจุแต่งตั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2547 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและคณะกรรมการกลางเทศบาล (กท) มีมาตรการดำเนินการเร่งด่วนอย่างไรต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเนื่องจากทำให้ประชาชนสูญเสียผลประโยชน์"
เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่จะเสนอต่อศาลปกครองในชั้นของการอุทธรณ์ต่อไป หลังจากศาลปกครองกลางตัดสินไม่คุ้มครองฉุกเฉินคำสั่งของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นข้างต้น ตามคำร้องของผู้สอบพนักงานท้องถิ่น แต่ผลที่ได้รับตามที่ผู้สอบบรรจุพนักงานท้องถิ่นได้ระบายออกมานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพนักงานไอทีวี แต่ความรู้สึกนี้ไม่ดัง แต่ทำไมสิ่งที่พวกเขาได้รับถึงต่างกัน หรือเป็นเพราะกฎหมายเมืองนี้มีสองมาตรฐานจะตีความไปทางใดทางหนึ่งก็ได้ แบบนี้ก็คงเข้าข่ายบ้านเมืองไม่มีขือไม่มีแบ
วันพฤหัสบดี ที่ 8 มีนาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น