วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

ถึงเวลาปัพพาชนียกรรม-แอนตี้ทางสังคม-คว่ำบาตรคนโกงหรือยัง

วงสัมมนา "การทบทวนและกำหนดยุทธศาสตร์ ทิศทางการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต" ของ ป.ป.ช. ที่โรงแรมเซอร์เจมส์ รีสอร์ท จ.สระบุรี วันนี้ (25ก.พ.) มีการเสนอความเห็นกันยกใหญ่ว่าจะทำอย่างไรกับ "คนชั่ว-คนโกง" ดี
"อุทิศ ขาวเธียร" รองเลขาธิการ สศช.) เสนอวิธี "ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์หรือไม่ขายของให้กับบริษัททุจริต" หรือเรียกว่า "แอนตี้ทางสังคม"
"วิชา มหาคุณ" กรรมการ ป.ป.ช. ยกคำพระเข้าข่ม เสนอให้ใช้วิธี "ปัพพาชนียกรรม" คือ เป็นพิธีกรรมที่พระสงฆ์ไม่ร่วมลงโบสถ์หรือทำสังฆกรรมกับพระที่กระทำความผิด
"เมื่อนำมาใช้ทางสังคมก็คือไม่ทำกิจกรรม หรือตัดความสัมพันธ์ทุกอย่าง หรือ คว่ำบาตรทางสังคม ศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิกก็ใช้หลักเดียวกันตัดความสัมพันธ์ทางสังคมทุกอย่างไม่ให้คบหาสมาคมกับคนโกง" กรรมการ ป.ป.ช. ผู้นี้อธิบาย
"อนึ่ง ภิกษุเข้าไปอาศัยบ้านก็ดี นิคมก็ดี แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ เป็นผู้ประทุษร้ายสกุล มีความประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของเธอ เขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย และสกุลทั้งหลายอันเธอประทุษร้ายแล้ว เขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลาย พึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า ท่านเป็นผู้ประทุษร้ายสกุล มีความประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของท่านเขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย และสกุลทั้งหลายอันท่านประทุษร้ายแล้ว เขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย ท่านจงหลีกไปเสียจากอาวาสนี้ ท่านอย่าอยู่ในที่นี้
และภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ พึงว่ากล่าวภิกษุเหล่านั้นอย่างนี้ว่าพวกภิกษุถึงความพอใจด้วย ถึงความขัดเคืองด้วย ถึงความหลงด้วย ถึงความกลัวด้วยย่อมขับภิกษุบางรูป ย่อมไม่ขับภิกษุบางรูป เพราะอาบัติ เช่นเดียวกัน ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า ท่านอย่าได้กล่าวอย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย หาได้ถึงความพอใจไม่ หาได้ถึงความขัดเคืองไม่ หาได้ถึงความหลงไม่ หาได้ถึงความกลัวไม่ท่านเองแล เป็นผู้ประทุษร้ายสกุล มีความประพฤติเลวทราม ความประพฤติเลวทรามของท่าน เขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย และสกุลทั้งหลายอันท่านประทุษร้ายแล้ว เขาได้เห็นอยู่ด้วย เขาได้ยินอยู่ด้วย ท่านจงหลีกไปเสียจากอาวาสนี้
ท่านอย่าอยู่ในที่นี้ และภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ ยังยกย่องอยู่อย่างนั้นเทียวภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลาย พึงสวดสมนุภาสกว่าจะครบสามจบ เพื่อให้สละกรรมนั้นเสียหากเธอถูกสวดสมนุภาสากว่าจะครบสามจบอยู่ สละกรรมนั้นเสีย สละได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี หากเธอไม่สละเสีย เป็นสังฆาทิเสส(เป็นอาบัติโทษรองจากปาราชิก)"
นี้เป็นบทบัญญัติวินัยข้อสังฆาทิเสส หลังจากพระพุทธเจ้ารับสั่งให้ทำ "ปัพพาชนียกรรม" ภิกษุพวกพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ ทีประพฤติเลวทรามต่าง ๆ แล้วยังไม่เชื่อฟัง ยังเย่อยิ่ง ไม่ปรับตัวเสียใหม่ หรือสำนึกผิด
โดยมีที่มาคือ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ บรรทัดที่ ๑๘๘๖๓ - ๑๙๑๑๓. หน้าที่ ๗๒๗ - ๗๓๖
หมายเหตุอ่านข่าวประกอบ - http://www.komchadluek.net/2007/02/25/a001_93974.php?news_id=93974

วันจันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google