วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เปิดสูตรเด็ดพิชิตหวัด2009"ใช้ทางพระเข้าข่ม"

ตั้งแต่เกิดโรคหวัด 2009 ระบาดไปทั่วโลกร่วมถึงประเทศไทยด้วย คงจะซึ้งกับคำพระที่ว่า "อโรคยา ปรมา ลาภา" การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บถือเป็นการได้ลาภที่สุดยอด ทั้งๆที่ชาวพุทธไทยฟังคำพระนี้นาน เพราะไม่สำเนียก โดยมีพฤติกรรมตรงกับคำว่า "ปมาโท มัจจุโน ปทัง" ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย เป็นโรคเอดส์ มะเร็ง ตายกันเป็นเบือ ตอนนี้โรคหวัด 2009 ก็ระบาดไปทั่วประเทศแล้วตัวเลขประมาณการเข้าหลัก 2 แสนคน แต่ตัวเลขที่แถลงประมาณ 4 พันคน ตาย 24 คน

ขณะนี้ก็ยังไม่มียารักษาไข้หวัดให้หายขาด รัฐบาลกำลังเร่งผลิตวัคซีลก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ฉีด ต้องใช้คำพระอีกคำคือ "อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ" ก็ต้องป้องกันตัวเองนั้นแหละดีที่สุด จะให้คนอื่นหรือรัฐบาลก็ช่วยได้อย่างที่เห็นนั้นแหละ วิธีการพึ่งตนเองต้องทำอย่างไรไม่ให้เป็นหวัดหรือเป็นแล้วไม่ถึงขั้นต้องไปวัด ก็จะต้องทำตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขแนะนำ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้คุ้มให้กับตัวเอง คือ

1.นอนหลับให้พอเพียง โดยเข้านอนสี่ทุ่มและตื่นหกโมงเช้าสม่ำเสมอ 2.ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน ยกเว้นวันที่รู้สึกเหนื่อยหรือไม่สบาย 3.ล้างมือตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนจรดข้อศอกบ่อยๆ 4.เจ็บไข้ไม่สบายให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเป็นไข้จากอะไร 5.หากอยู่ใกล้คนไข้ให้ใส่ที่ปิดปากจมูกที่เหมาะสม 6.กินวิตามินซีหรือผลไม้รสเปรี้ยวช่วยเสริมคอลลาเจนเติมภูมิคุ้มกันให้เม็ดเลือดขาว 7.รับประทานอาหารหรือยาสมุนไพรเพื่อสร้างภูมิต้านต้าน

อย่างเช่น โป๊ยกั้กหรือพะโล้ เพราะมีสารตั้งต้นในการต้านไวรัสได้คล้ายกับในทามิฟลู กระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ ขิง ข่า ตระไคร้และกะเพรา ฯลฯ โดยเมนูที่แนะนำให้รับประทานช่วงนี้ มี แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ ยำปลาทู เพราะมีสมุนไพร ขิง หัวหอมมาก นอกจากนี้ยังมีน้ำพริกกินกับผักต่างๆ อาทิ คาวตองผักพื้นบ้านของภาคเหนือและอีสาน รวมถึงผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะชนิดที่มีรสเปรี้ยว ส้ม มะขามป้อม และฝรั่ง น้ำมะขาม น้ำตระไคร้ ชาเห็ดหลินจือ เบญจขันธ์ ฯลฯ หากมีไข้ในช่วง 1-2 วันแรกให้กินสมุนไพรดูแลอาการก่อนไปโรงพยาบาล อาทิ ฟ้าทะลายโจร จันทลีลาแก้ปวดเมื่อย ยาเขียวหอม หากไอ ยาอมมะขามป้อม มะแว้ง

ทั้งนี้ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยสร้างภูมิต้านทานในการรักษาไข้หวัดใหญ่ที่แนะนำ 3 ชนิดคือ 1.ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการรักษาและสร้างภูมิต้านทานของร่างกายในการป้องกันโรค 2.ขิง มีฤทธิ์อุ่นสอดคล้องกับการรักษาโรคหวัด ลดจำนวนไวรัสในร่างกาย และ 3.กระเทียม หรือกระเทียมดอง ถ้าไม่อยากเป็นหวัดให้กินทุกวันประสิทธิภาพเหมือนกับวัคซีนป้องกันโรค ส่วนกระเจี๊ยบ ขมิ้นอ้อย มะระ และฟักข้าวที่มีฤทธิ์เหมือนยาโอเซลทามิเวียร์
ด้าน ภญ.อัญชลี จูฑะพุทธิ รองผู้อำนวยสถาบันการแพทย์ไทย กล่าวว่า การรับประทานฟ้าทะลายโจร เพื่อรักษาโรคหวัดควรรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน ครั้งละไม่เกิน 1.5 กรัม วันละไม่เกิน 6 กรัม ถ้าแคปซูลที่มีปริมาณ 500 มิลลิกรัม ก็รับประทานครั้งละไม่เกิน 3 แคปซูล หากเป็นขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) บรรจุ 375 มิลลิกรัมต้องรับประครั้งละ 5 แคปซูล การรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้มีผลข้างเคียงคือมือเท้าชา อ่อนแรงบ้าง

หากปฎิบัติตัวตามนี้แล้วยังไม่สามารถที่จะสร้างภูมิกันให้คุ้มให้กับตัวเองได้ ก็มีคาถาอีกคาถาหนึ่งที่ขลังนักแลคือ "อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข" คือสรรพสิ่งทั้งหลายเป็นของไม่มั่นคงถาวรเมื่อเกิดแล้วก็เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา

พระพุทธเจ้ายังสอนให้นึกถึงความตายเป็นประจำ เพราะมีดีหรือทำแต่ความดีแล้วจะกลัวทำไมกับความตาย เพราะคำพระท่านยังบอกอีกว่า"จิตเต สังกิลิตเถ ทุคติปาติกังขา" คือทำชั่วไปนรก และ "จิตเต อสังกิลิตเถ สุคติปาติกังขา" ทำดีจิตไม่เศร้าหมองก็ไปสวรรค์........ เอวังโรคไข้หวัด2009ก็มีด้วยประการฉะนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google