วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ฟ้าทะลายโจรควรเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นฟ้าทะลายหวัด2009

สมุนไพรฟ้าทะลายโจรนับได้ว่าเป็นสมุนไพรได้รับความสนใจจากคนไทยที่ต้องการหาซื้อไปไว้รับประทานเพื่อป้องกันหวัด2009 เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะติดเชื้อเมื่อไร และเมื่อเป็นแล้วโรคจะหายหรือว่าตัวเองจะหายไปจากโลกนี้เลย เนื่องจากตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อหวัด 2009 ตายทุกวัน เป็นที่น่าสังเกตุผู้ที่ติดเชื้อหวัด 2009 แล้วตายนั้น ส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัวอย่างเช่น โรคหอบหือ เบาหวาน มะเร็งเป็นต้น

หลังจากเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ได้ออกมาเปิดเผยกับชื่อสื่อมวลชนว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกัน และรักษาอาการไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้ประชาชนทั่วประเทศต่างแสวงหาซื้อมาไว้รับประทาน ขณะที่สต๊อกของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรเองตอนนี้ก็หมดแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาอีกกว่า 1 อาทิตย์ถึงจะผลิตออกมาจำหน่ายได้เพิ่มอีกตามความต้องการ

เมื่อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาหวัด 2009 ได้เช่นนี้ สมควรที่จะเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็นสมุนไพรฟ้าทะลายหวัด 2009 น่าจะเหมาะสมนะ

สำหรับสมุมนไพรฟ้าทะลายโจร นี้เว็บไซต์สถาบันการแพทย์แผนไทยได้รวบรวมไว้ว่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata (Burm. F) Wall. ex Nees

ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE

ชื่ออื่น ๆ ฟ้าทะลาย , น้ำลายพังพอน, หญ้ากันงู, สามสิบดี, คีปังฮี,ซีปังกี, ชวนซินเหลียน, ชวงซิมไน้, Creat, Green chireta,Kalmegh, King of bitters, Kirayat

ส่วนที่ใช้ ส่วนเหนือดิน หรือ ใบ

การปลูก ทำได้หลายวิธีได้แก่

1. แบบหว่าน สิ้นเปลืองเมล็ด ให้ผลผลิตน้อย

2. แบบโรยเมล็ดเป็นแถว ประมาณ 50-100 เมล็ด ต่อ ความยาวร่อง 1 เมตร

3. แบบหยอดหลุม ระยะระหว่างต้น 20-30 ซม. ระหว่างแถว 40 ซม. หยอดเมล็ดหลุมละ 5-10 เมล็ด

4. ปลูกโดยใช้กล้า ให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำกว่าการปลูกโดย 3 วิธีแรก

การเก็บเกี่ยว

ช่วงที่พืชออกดอกนับตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบาน 50 % เพื่อให้มีปริมาณสารสำคัญสูง ซึ่งพืชจะมีอายุประมาณ 110-150 วัน

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว

การทำความสะอาด นำฟ้าทะลายโจรมาล้างน้ำให้สะอาดตัดให้มีความยาว 3-5 ซม. ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาเกลี่ยบนกระด้งหรือถาดที่สะอาด
การทำให้แห้ง อบที่อุณหภูมิ 50 C. ใน 8 ชั่วโมงแรก ต่อไปใช้อุณหภูมิ 40-50 C. อบจนแห้งสนิท หรือตากแดดจนแห้งสนิท ควรคลุมภาชนะด้วยผ้าขาวบาง

สารสำคัญ

ส่วนเหนือดินฟ้าทะลายโจร มีสารสำคัญจำพวกไดเทอร์ปีนแลคโตน (diterpene lactones) หลายชนิด ได้แก่ แอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) นีโอแอนโดกราโฟไลด์ (neoandrographolide) ดีออกซีแอนโดกราโฟไลด์ (deoxyandrographolide) ดีออกซีไดดีไฮโดรแอนโดรกราโฟไลด์ (deoxy-didehydroandrographolide)

วัตถุดิบฟ้าทะลายโจรที่ดีควรมีปริมาณแลคโตนรวมคำนวณเป็นแอนโดรกราโฟไลด์ ไม่ต่ำกว่า 6 % ไม่ควรเก็บวัตถุดิบไว้ใช้นาน ๆ เพราะปริมาณสารสำคัญจะลดประมาณ 25 % เมื่อเก็บไว้ 1 ปี

ผลการศึกษาทางเภสัชวิทยา

การศึกษาในสัตว์ทดลองหรือในหลอดทดลอง พบว่า สารสกัดหรือสารสำคัญของฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ ทางยาหลายประการ ดังนี้

1. ฤทธิ์ลดการบีบหรือหดเกร็งตัวของทางเดินอาหาร

2. ฤทธิ์ลดอาการท้องเสีย โดยทำให้การสูญเสียน้ำทางลำไส้จากสารพิษของแบคทีเรียลดลง

3. ฤทธิ์ลดไข้และต้านการอักเสบ

4. ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน

5. ฤทธิ์ป้องกันตับจากสารพิษหลายชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซทตามอล หรือเหล้า

6. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

7. ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด


ประสิทธิผลในการรักษาโรคจากรายงานการวิจัยทางคลินิก


1. รักษาอาการไข้เจ็บคอ (Pharyngotonsillitis) ผู้ป่วยที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรขนาด 6 กรัม/วัน หรือพาราเซทตามอล 3 กรัม / วัน หายจากไข้ และอาการเจ็บคอได้มากกว่ากลุ่มที่ได้ฟ้าทะลายโจรขนาด 3 กรัม / วัน อย่างมีนัยสำคัญในวันที่ 3 หลังรักษา แต่ผลการรักษาไม่มีความแตกต่างกันในวันที่ 7

2. การรักษาโรคอุจจาระร่วงและบิดแบคทีเรีย (Bacilliary dysentery) ผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจรทั้งขนาด 500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง และขนาด 1 กรัม ทุก 12 ชั่วโมง เทียบกับยาเตตร้าซัยคลิน พบว่า สามารถสามารถลดจำนวนอุจจาระร่วง (ทั้งความถี่และปริมาณ) และจำนวนน้ำเกลือที่ให้ทดแทนในการรักษาโรคอุจจาระและบิดแบคทีเรียได้อย่างน่าพอใจ ลดการสูญเสียน้ำได้มากกว่ากลุ่มที่ได้ยาเตตร้าชัยคลิน

3. การศึกษาประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด (Common cold) ผลการทดลองให้ยาเม็ดสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่ควบคุมให้มีปริมาณของแอนโดกราโฟไลด์ และดีออกซีแอนโดรกราไฟไลด์รวมกันไม่น้อยกว่า 5 มิลลิกรัม /เม็ด ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 เวลา ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด พบว่า วันที่ 2 หลังได้รับยา ความรุนแรงของอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญและในวันที่ 4 หลังได้รับยา ความรุนแรงของทุกอาการได้แก่ อาการไอ เสมหะ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหู นอนไม่หลับ เจ็บคอ ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรสำหรับแก้เจ็บคอในกรณีต่าง ๆ ต่อไปนี้

1. ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A

2. ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบเนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A

3. ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติค

4. ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น

ข้อควรระวัง

1. ฟ้าทะลายโจรอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเดิน ปวดเอว หรือวิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ในผู้ป่วยบางราย หากมีอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร

2. หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง

3. หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์

4. สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร

ขนาดที่ใช้และวิธีใช้

รับประทานครั้งละ 1,500 – 3,000 มิลลิกรัม ของผงยาวันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร 3 เวลา และก่อนนอน (จำนวนเม็ดหรือแคปซูลที่รับประทานแต่ละครั้งให้ปรับตามขนาดของผงยาที่บรรจุในแต่ละเม็ด)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google