วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

ทักษิณยิ่งดิ้นยิ่งทุกข์หยุดคิดสักนิดทรัพย์ท่านได้แต่ใดมา

หลังจาก คตส.มีมติอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว รวมมูลค่าประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท
ไม่ว่าใครหากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้คงจะใจหาย เป็นทุกข์ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่สูญเสียทรัพย์แม้นว่าจะมากหรือน้อยก็ตามก็ทุกข์ทั้งนั้น
แต่ก็ใช่ว่าทรัพย์ดังกล่าวจะตกเป็นของแผ่นดินเสียทีเดียว คตส.ยังเปิดโอกาสให้ชี้แจงว่าทรัพย์ดังกล่าว "ท่านได้แต่ใด" หากชี้แจงได้ก็ให้คืน ก็ไม่เห็นว่าจะต้องเป็นเหตุให้ต้องเดือดร้อนหรือทุกข์อะไรมากนักหากได้มาโดยสุจริต
หากย้อนไปให้อดีตกรณีที่มีการอายัดทรัพย์ก็มีน้อยรายที่ถูกยึด สวนใหญ่ก็ให้คืนทั้งนั้น
แต่ถ้าหากถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินจริง ๆ ก็น่าจะมีความสุขเกิดขึ้นในจิตใจ เพราะว่าเงินดังกล่าวสามารถนำไปพัฒนาประเทศให้คนอีกจำนวนมากมีความสุขมากยิ่งขึ้น คิดเสียว่าเป็นการให้ทานแก่แผ่นดิน ทดแทนคุณแผ่นดินเกิด
เพราะอย่างไรเสียพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีทุนทรัพย์ที่ยังเหลือจากการขายหุ้นชินฯอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท พอที่จะดำรงชีวิตทั้งตัวเองและครอบครัว อนุเคราะห์บุคคลอื่นให้มีความสุขได้อีกมาก คิดได้เช่นนี้ก็มีความสุข
หากคิดว่านี้เป็นการแก้แค้นเป็นการกลั่นแกล้ง จะต้องเอาคืนความโกรธหรือโทสะก็เกิด ความทุกข์ก็ยิ่งทีวีคูณขึ้นไปอีก ไม่ใช่เฉพาะตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่มีความทุกข์คนอีกจำนวนมากก็ทุกข์ด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ควรทำให้จิตที่คิดจะให้ทานเกิดขึ้นในจิตให้ได้แล้วใจก็จะมีความสุข หวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาท่านมีทรัพย์เหล่านี้ติดตัวมาหรือไม่ ก็เคยติดหนี้ยืมสิน ก็ไม่ต่างไรกับผู้เขียนนี้ แต่พอมีปัญญาถึงมีทรัพย์อยู่นับ 7.2 หมื่นล้านบาท จะหาอีกกี่ล้านก็คงได้
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า เมื่อมีทรัพย์แล้วจะบริหารให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสวนร่วมมีความสุขอย่างไรต่างหาก ขอให้คิดถึงหลักธรรมแห่งโลกธรรม 8 ประกาคือ มี ลาภ เสื่อมลาภ มียศ ก็เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข มีทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดาของโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google