วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

ศึกษาพุทธวิธีกรณีคลิปหมิ่นฯแพร่บนยูทุป

กรณีคลิปหมิ่นฯถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทุปผ่านไปเกือบอาทิตย์ ยังไม่ทีท่าว่าทาง ยูทุป จะถอดออก ตามการประสานของกระทรวบไอซีที และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของใคร
ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งรู้สึกเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดความโกรธที่มีคนมาทำร้ายพ่อเรา มีส่วนช่วยลบภาพหมิ่นฯนั้นได้บ้างเท่าที่กำลังและความสามารถที่มี
เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นให้นึกถึงพุทธวิธี ที่พระพุทธองค์ได้ทรงใช้กับกลุ่มบุคคลที่กล่าวร้ายพระองค์ต่างๆ มีหลายช่วงที่พระองค์ถูกใช่ร้าย และหัวหอกสำคัญก็คือ พระเทวทัต นับได้ว่าเป็นฝ่ายค้านกับพระองค์มาตลอด นอกจากนี้มีศานาเชนที่นับได้ว่าเป็นอริกับพระพุทธศาสนามาตลอด ปล่อยให้สาวกของเขาใส่ร้ายพระองค์ต่าง ๆ นานา
อย่างเช่นเรื่องการแสดงยมกปาฏิหาริย์ ก็มีการยั่วยุให้พระองค์สาวกแสดงปาฏิหาริย์ แสดงเวทมนต์แข่ง แต่พระองค์ทรงห้าม หากพระสงฆ์แสดงถือว่ามีความผิดต้องอาบัติปาจิตตรีย์ (ก็ไม่รู้ว่าเหล่าพระเกจิทั้งหลายที่ปลูกเสกเหรียญต่าง ๆ รวมถึงจตุคามจะต้องอาบัติด้วยหรือไม่) แต่ก่อนที่พระองค์จะแสดงยมกปาฏิหาริย์ก็ถูกเหล่าสาวกของศาสนาเชนแกล้งต่างๆ นาน ๆ
และมีครั้งหนึ่งที่เมืองโกสัมพีพระองค์ก็ถูกนางมาคันทิยา พระมเหสีของพระเจ้าอุเทน ว่าจ้างคนกล่าวร้ายพระองค์ด้วยวิธีการต่างๆ
สาเหตุที่นางมาคันทิยาอาฆาตพระองค์ก็เนื่องจากว่า ก่อนหน้านี้พ่อแม่ของนางที่เลื่อมใสในพระองค์ได้ยกนางให้กับพระองค์เพราะความไม่รู้ พระองค์ไม่รับและเปรียบเทียบร่างกายของนางทีสวยงามมีแต่อุจจาระปัสสาวะ และนางมาคันทิยานี้สมัยที่พระองค์บังเกิดเป็นพระเวสสันดร เป็นเมียของชูชก
เมื่อนางมาคันทิยาจ้างคนว่าร้ายพระองค์อย่างนี้ ทำให้พระอานนท์ทนไม่ไหว จึงทูลให้พระองค์เสด็จไปเมืองอื่น พระองค์ตรัสว่า หากไปที่เมืองนั้นมีคนว่าร้ายอีกจะทำอย่างไร พระอานนท์ก็ทูลให้เสด็จไปเมืองอื่นเรื่อย ๆ
พระองค์ตรัสว่า "อาวุโส! ตราบใดที่บุคคลยังพอใจด้วยคำสรรเสริญ เขาย่อมยังต้องหวั่นไหวเพราะถูกนินทา ที่เป็นกฎที่แน่นอน พระตถาคตเจ้าทำพระมนัสให้เป็นเช่นแผ่นดินหนักแน่น และไม่ยินดียินร้ายว่าใครจะไปโปรยปรายของหอมดอกไม้ลงไป หรือใครจะทิ้งเศษขยะของปฏิกูลอย่างไรลงไป"
พระอานนท์ กราบทูลพระองค์ว่า
"พระองค์ผู้เจริญ! อย่าอยู่เลยที่นี่ คนเขาด่ามากเหลือเกิน"
"จะไปไหน อานนท์" พระศาสดาตรัส มีแววแห่งความเด็ดเดี่ยวฉายออกมาทางพระเนตรและสีพระพักตร์
"ไปเมืองอื่นเถิดพระเจ้าข้า สาวัตถี ราชคฤห์ สาเกต หรือเมืองไหนๆ ก็ได้ ที่ไม่ใช่โกสัมพี"
"ถ้าเขาด่าเราที่นั่นอีก?"
"ก็ไปเมืองอื่นอีก พระเจ้าข้า"
"ถ้าที่เมืองนั้นเขาด่าเราอีก?"
"ไปต่อไป พระเจ้าข้า"
"อย่าเลย อานนท์! เธออย่าพอใจให้ตถาคตทำอย่างนั้น ถ้าจะต้องทำอย่างเธอว่า เราจะไม่มีแผ่นดินอยู่ มนุษย์เราอยู่ที่ไหนจะไม่ให้มีคนรักคนชังนั้นเห็นจะไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นที่ใด ควรให้ระงับลง ณ ที่นั้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยไป อานนท์! เรื่องที่เกิดขึ้นแก่ตถาคตนั้นจะไม่ยืดยาวเกิน 7 วัน คือจะต้องระงับลงภายใน 7 วันเท่านั้น"
แล้วพระพุทธองค์ก็ตรัสต่อไปว่า "อานนท์! เราจะอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่น เหมือนช้างศึกก้าวลงสู่สงคราม ต้องทนต่อลูกศรซึ่งมาจากทิศทั้ง 4 เพราะคนในโลกนี้ส่วนมากเป็นคนชั่ว คอยแส่หาแต่โทษของคนอื่น เธอจงดูเถิด พระราชาทั้งหลายย่อมทรงราชพาหนะตัวที่ฝึกแล้วไปสู่ที่ชุมนุมชน เป็นสัตว์ที่ออกชุมนุมชนได้ อานนท์เอย! ในหมู่มนุษย์นี้ผู้ใดฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ม้าอัสดร ม้าสินธพ พญาช้างตระกูลมหานาคที่ได้รับการฝึกแล้วจัดเป็นสัตว์อาชาไนย สัตว์อาชาไนยเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ แต่คนที่ฝึกตนดีแล้วยังประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านั้น
ดูก่อนอานนท์! ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้สูงกว่าก็เพราะความกลัว อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกันเพราะเห็นว่าพอสู้กันได้ แต่ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตน เราเรียกความอดทนนั้นว่าสูงสุดผู้มีความอดทน มีเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศ อยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปิดประตูแห่งความสุขความสงบได้โดยง่าย สามารถขุดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้ คุณธรรมทั้งมวล มีศีลและสมาธิ เป็นต้น ย่อมเจริญงอกงามแก่ผู้มีความอดทนทั้งสิ้น
ในที่สุดทาสและกรรมกร ที่พระนางมาคันทิยาว่าจ้างมาด่าพระมหาสมณะก็เลิกราไปเอง เพราะเขาทั้งหลายรู้สึกว่าเขากำลังด่าเสาศิลาแท่งทึบซึ่งไม่หวั่นไหวเลย ความพยายามของพระนางมาคันทิยาเป็นอันล้มเหลว อาวุโส! พระศาสดาเคยตรัสไว้ว่า ภูเขาศิลาล้วนย่อมไม่หวั่นไหวด้วยลมจากทิศทั้ง 4 ฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวเพราะคำนินทาและสรรเสริญฉันนั้น
ภาพจาก www.larnbuddhism.com
เมื่อพระเจ้าอุเทนทรงทราบว่าพระนางสามาวดีถูกเผาเช่นนี้ทรงสลดพระทัย จึงออกอุบายให้นางมาคันทิยารับสารภาพว่านางเป็นคนทำ และให้รวบรวมญาติและคนว่าจ้างรวมกันที่ท้องพระราชวัง แล้วทรงรับสั่งให้มหาดเล็กควบคุมตัวบุคคลเหล่านั้นฝั่งทั้งเป็นให้เหลือแต่คอนอกกำแพงแล้วจุดไฟเผา ส่วนนางมาคันทิยานั้นรับสั่งให้จับเอาน้ำร้อนกรอกจนสิ้นใจ
ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ครับที่พระพุทธองค์ประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ยกมาเป็นกรณีศึกษาครับ

วันจันทร์ ที่ 9 เมษายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google