วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

ห่วงยุคจตุคามฯ เฟื่องทำลายแก่นแท้พุทธศาสนา

วงเสวนา “สำรวจความสุข ยุคจตุคามรามเทพ” ห่วงคนไทยยิ่งไกลธรรมะ ยึดถือเทพ-เทวดา ไม่เข้าใจแก่นธรรมและลืมพระพุทธเจ้าและหลักธรรมถือเป็นปัญหาพุทธศาสนา เรียกร้องรัฐเร่งแก้ปัญหา ชี้หากสำรวจความสุขไม่ยั่งยืนตอนนี้คนนครฯ สุขที่สุด เพราะกำไรดีจากจตุคามฯ แนะชาวพุทธยึดหลักกาลามสูตรอย่าตกเป็นเหยื่อการตลาด
ศูนย์สร้างสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “สำรวจความสุข ยุคจตุคามรามเทพ” โดยมีพระอาจารย์ดุษฎี เมธังกุโร จากสำนักสงฆ์ทุ่งไผ่ จังหวัดชุมพร และ นพ.บัญชา พงษ์พานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้เคยสนทนากับ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช บุคคลคนแรกที่มีส่วนในการสร้างจตุคามรามเทพ ให้เป็นที่รู้จักพระอาจารย์ดุษฎี กล่าวว่า ในอดีตการสร้างพระเครื่องของคนไทยจะสร้างเป็นรูปพระพุทธรูป จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเป็นพระเครื่อง 2 หน้าด้านหนึ่งเป็นพระพุทธรูป อีกด้านเป็นพระเกจิที่สร้างพระเครื่องดังกล่าว เมื่อเวลาผ่านไป เหลือมานับถือพระเกจิเพียงรูปเดียว จนปัจจุบันเปลี่ยนเป็นจตุคามฯ ด้านหนึ่ง พระเกจิด้านหนึ่ง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการนับถือบูชาของคนไทยได้ร่นจากการนับถือครูบาอาจารย์มาเป็นคนใกล้ตัว จนปัจจุบันมีการหันไปนับถือเทพ เทวดา ทั้งที่พระพุทธเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่งเทวดา จึงไม่ควรอยู่เหนือพระพุทธเจ้า เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลแต่ทางลบให้กับผู้ศรัทธา ซึ่งข้อมูลที่พบขณะนี้ผู้ที่ห้อยจตุคามฯ องค์ใหญ่ๆ หลายองค์ เริ่มมีอาการปวดคอเพราะกล้ามเนื้ออักเสบทำให้เป็นคนที่ห้อยจตุคามฯ หงุดหงิดง่ายจากอาการที่เกิดขึ้น“การที่จตุคามฯ โด่งดังเพราะมีการลงภาพบนหน้าหนังสือพิมพ์มากและการที่ไม่ใช่พระพุทธรูปจึงมีท่าทางต่างๆ และทำการตลาดได้มากกว่า กลายเป็นกระแสเกิดขึ้น ซึ่งอาตมาเชื่อว่าในสิ้นปีนี้จตุคามฯ จะล้นตลาด” พระอาจารย์ดุษฎี กล่าวและว่า การสร้างจตุคามฯ ขณะนี้พบว่ามีพระเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่จริงแล้วพระสงฆ์บางท่านไม่ได้นับถือจตุคามฯ แต่ก็สร้างจตุคามฯ เพราะเป็นทางระดมทุนเข้าวัดได้ พระถูกหลอกด้วยเงินทำให้กลายเป็นผู้ชี้นำเอาธรรมะเข้าแลกกับเงิน เพื่อให้ได้เงินเข้าวัดสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นปัญหาของพุทธศาสนาแล้วพระสงฆ์ไม่สามารถคุ้มครองพุทธศาสนาได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและบ้านเมืองเข้ามาดูแลปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นพระอาจารย์ดุษฎี กล่าวอีกว่า การสะสมจตุคามฯ ถือเป็นความสุขแต่ไม่หลุดพ้น จึงอยากฝากให้นับถืออย่างมีธรรมะ มีศีล ปัญญา เหตุผล และต้องปฏิบัติด้วยด้าน นพ.บัญชา กล่าวว่า ยุคจตุคามฯ เฟื่อง คนที่มีความสุขที่สุดตอนนี้คือชาวนครฯ ทุกคนมีความสุข อิ่มเอิบ โดยบอกว่า หลวงพ่อมาช่วยแล้วน้อมนำไปสู่การนับถือศรัทธา เพราะพบว่า การสร้างจตุคามฯ ตอนนี้กำไรดีมากทุกร้านในจังหวัดนครศรีธรรมราชขายจตุคามฯ ทุกวันนี้ที่วัดพระธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการจองเพื่อจัดทำจตุคามฯ ไปถึงสิ้นปีแล้ว เพื่อเร่งผลิตก่อนที่จะตกกระแส จตุคามฯ รุ่นแรกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ที่สมทบทุนสร้างศาลหลักเมือง แต่ปัจจุบัน การสร้างจตุคามฯ เป็นการสร้างเพื่อจำหน่ายไปทั่ว และเนื่องจากไม่ใช่พระพุทธรูปทำให้เปิดกว้างให้สามารถสร้างสรรค์จตุคามฯ ได้หลากหลายรูปแบบ“จตุคามฯ เกิดมาจากการเข้าทรง ซึ่งขุนพันธ์ฯ เป็นผู้กล่าวขึ้น ขณะนี้คนนครฯ หลายฝ่ายก็เริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้กระแสจตุคามฯ เป็นกระแสที่ยั่งยืนกำลังคิดกันมากทำอย่างไรให้จตุคามฯ ดึงเข้าสู่ธรรมะและถือเป็นการดึงคนเข้าวัดและหันมานึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย” นพ.บัญชา กล่าวและว่า ผลกระทบของความนิยมจตุคามฯ ที่ไม่ได้ปลูกฝังธรรมะที่ถูกต้องจะทำให้เยาวชนปัจจุบันอาจเข้าใจผิดและมีผลต่อสุขภาวะหรือความสุขที่แท้จริงของคนไทยในอนาคต จึงอยากให้คนไทยยึดหลักกาลามสูตรของพุทธศาสนาเข้ามาช่วยอย่าตกเป็นเหยื่อของการตลาด
ที่มา - http://www.komchadluek.net/2007/05/11/e001_115363.php?news_id=115363

วันศุกร์ ที่ 11 พฤษภาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Google